เรียกได้ว่าใครหลายๆ คนคงคุ้นหน้าคุ้าตาเจ้าตัวเป็นอย่างดี สำหรับ เอก เอกรัตน์ สารสุข อดีตเป็นนักแสดงและนายแบบชาวไทยในสังกัดช่อง 7มีชื่อเสียงจากละครเรื่อง รัตนโกสินทร์ และ ทัดดาวบุษยา โดยเจ้าตัวเข้าสู่วงการบันเทิงเมื่อตอน อายุ 19 ปี
จากการเป็นนายแบบและได้รับโอกาสโดยการชักชวนจากก้อง ปิยะ เศวตพิกุล เป็นนักแสดงชาวไทย เป็นคนแนะนำ ให้มาเดินแบบและในภายหลังเอกรัตน์มีผลงานโฆษณาต่างๆ

เช่น กาแฟคอฟฟี่เมต และ ชาร์ป เป็นต้นต่อมาเขาได้ลงนามสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 7 มีผลงานละครเรื่อง รัตนโกสินทร์ และ ทัดดาวบุษยา เป็นต้นและผลงานละครต่างๆ
ออกอากาศทางสถานีช่อง 7และเป็นพระเอกในดวงใจของแฟนละคร และให้การตอบรับเป็นอย่างเรื่อยมา จากปี 2549 เจ้าตัวได้ตัดสินใจหันหลังให้กับวงการบันเทิง โดยเจ้าตัวได้เปิดใจถึงเหตุผลว่า

ที่เลิกเล่นละคร เพราะสมัยก่อนผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีความเป็นตัวเองสูงคิดอะไรด้านเดียว ไม่หลากหลาย ตอนนั้นอายุ 29 เล่นละครเรื่อง มาทาดอร์ ก็ประกาศว่าจะลาวงการตอนอายุ 32 เพราะผมรับไม่ได้ที่จะต้องอายุ 30
แล้วต้องมารับบทเป็นพ่อ คือยอมรับว่าตอนนั้นเรายังเด็กและคิดอัตตา ถ้าจะให้เป็นอย่างนั้น เลิกเล่นดีกว่า และมันเหมือนบทมาถึงทางตัน ไม่มีบทแปลกๆใหม่ๆ มาให้เล่นพอถึงเวลาที่เรากำหนด ก็ต้องทำตามที่พูดเอาไว้

แล้วก็อยากมาทำอย่างอื่น แม้ผู้ใหญ่จะเสนอบทใหม่มาให้ แต่ผมปฏิเสธไป เพราะบทที่ได้มาไม่ได้เป็นพระเอก ตอนนั้นก็ไม่ฟังคำทัดทานของใครด้วย เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ผมเป็นคนมีความเป็นตัวเองสูง
มีจุดยืนแบบโง่ๆ การทำงานในวงการบันเทิงเมื่อถึงจุดนึงเราต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงแล้วเดินต่อไป กับอีกจุดนึงคือไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงแล้วเลิก เลิกแล้วมานั่งค้นหาตัวเองพอถึงจุดนึงก็จะมานั่งคิดถึงงานในวงการบันเทิง

อย่างผมตอนนี้ถ้ากลับไปทำงานมันต้องลดน้ำหนักก่อน เพราะอ้วนๆ อย่างนี้ไปทำไม่ได้หรอก ไม่ทำก็เสียชื่อเปล่า มันไม่มีบทสำหรับคนในเมืองไทยตอนที่ออกมาจากวงการใหม่ ก็ยังมีคนติดต่อมานะ
แต่ผมก็บอกเค้าไปว่าไม่อยากจะทำลายสิ่งที่สร้างขึ้นมา อยากให้คนจดจำในมุมของพระเอก แต่เราลืมไปว่าในเมืองไทยไม่มีตำนาน คนค่อยๆ ลืมเราไปเพราะสุดท้ายมันก็แค่ชื่อเสียงที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปแรกๆ
ผมก็เหมือนคนธรรมดาทั้วไป ที่หลงระเริงไปกับชื่อเสียงบ้าง แต่พอเวลาผ่านไป ก็เริ่มปรับตัวและอยู่กับมันได้ ไม่คิดว่าตัวเองโด่งดัง หรือว่าเรียกเรตติ้งได้ เข้าใจมากขึ้นว่าการทำงานมันต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างร่วมกัน
จะดังได้ก็ต้องมีนางเอกที่ร่วมแสดง ผู้กำกับ เพื่อนักแสดงคนอื่นๆ หรือว่าจะเป็นบทประพันธ์ หลายๆ อย่าง จะเอาตัวเราเป็นตัวเรียกเรตติ้งคนเดียวคงไม่ใช่หรอก