กองทัพเรือ ชี้เเจง ทำไมต้องมีเรือดำน้ำ

ข่าวทั่วไป

เรียกว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ต่างไม่เห็นด้วยอยู่ในตอนนี้ หลังจากที่ทางรัฐบาลเตรียมตัวซื้อเรือดำน้ำ จนทำให้ประชาชนต่างรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ประชาชนนั้นต่างได้รับผลกระทบการเชื้อไวรัสโควิด-19 เเละขอในทางภาครัฐหยุดความคิดนี้ไว้ด้วย ล่าสุดทางเฟซบุ๊ก กองทัพเรือ โดย โฆษก กองทัพเรือ ได้ออกมาเผยเหตุผลที่ทางรัฐบาลจำเป้นต้องซื้อเรือดำน้ำว่า ” อ่านให้จบ จะรู้ว่ามีเรือดำน้ำไปทำไม….แม้ในบริบทข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์

บทความวิชาการ โดย พลเรือเอก ภาณุ บุณยะวิโรจ อดีตผู้บัญชาการ กองเรือดำน้ำ กองเรือยุทธการ ในวาระวันเรือดำน้ำ 4 ก.ย.63 จากการที่ผมได้เคยศึกษาด้านความมั่นคงและการทหารระดับยุทธศาสตร์ จากสถาบันทั้งต่างประเทศและในประเทศมา ติดตามสถานการณ์โลกและภูมิภาค กับสอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ในสถาบันการศึกษาระดับสูงของกองทัพมาอย่างต่อเนื่อง จึงอยากแชร์มุมมองเกี่ยวกับความมั่นคงทางทะเล เพื่อการเสริมสร้างความเข้าใจและความตระหนักรู้เกี่ยวกับทะเล

ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปากท้องของประชาชน การกินดีอยู่ดีของคนในชาติ และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ขอนำเสนอตามข้อเท็จจริง ปราศจากการเมือง และการติดยึดกับทหาร โดยในภาคแรกนี้จะนำไปสู่การได้คำตอบว่า “มีเรือดำน้ำไปทำไม”อันดับแรกจำเป็นต้องทำความเข้าใจด้านภูมิรัฐศาสตร์ก่อนว่า ประเทศไทยมีข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์ กล่าวคือ อ่าวไทยเป็นอ่าวปิดลึกเข้ามาในคาบสมุทร ในอดีตก็เคยถูกปิดอ่าวมาแล้ว 3 ครั้ง

ครั้งแรกสมัยสมเด็จพระนารายณ์​มหาราช ที่ฮอร์ลันดาเอาเรือรบเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยามาปิดทางออกสู่ทะเลของไทย คงจำเรื่อง “บุพเพสันนิวาศ”ได้นะครับ ครั้งที่ 2 ก็เหตุการณ์ ร.ศ.112 สมัยรัชการที่ 5 ที่ฝรั่งเศสมาปิดปากอ่าวไทย จนเราต้องเสียดินแดนไปเกือบเท่ากับขนาดประเทศไทยในปัจจุบัน และครั้งที่ 3 ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เรือดำน้ำสหรัฐฯมาจมเรือขนส่งน้ำมันชื่อ ร.ล.สมุยบริเวณปากอ่าวไทย ทหารเรือสละชีพไป 36 นาย

มีผลทำให้ไม่สามารถขนส่งน้ำมันจากทางทะเลเข้าสู่ประเทศได้ กิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจแทบจะหยุดชะงัก ประชาชนก็เดือดร้อนกันทั่ว ทั้ง 3 เหตุการณ์ข้างต้นน่าจะทำให้ทุกท่านตระหนักแล้วนะครับว่า จุดอ่อนด้านภูมิศาสตร์ของเรา ผู้รุกรานสามารถใช้ประโยชน์สร้างความเสียหายให้กับประเทศได้มากมายมหาศาลอย่างไร แล้วเรามีทางแก้ไขไหม…เรื่องนี้คงต้องดูว่าต่างประเทศเขาทำกันอย่างไร ผมขอเปรียบเทียบกับประเทศเยอรมันจะทำให้เห็นภาพและเข้าใจได้ง่ายขึ้น

ประเทศเยอรมันก็เหมือนกับประเทศไทยกลับหัว มีทะเล 2 ฝั่งแต่ถูกคั่นด้วยประเทศที่ 3 ท่าเรือหลักคือ Hamburg และ Wilhelmhaven อยู่ในทะเลบอลติกและทะเลเหนือ ซึ่งเส้นทางการเดินเรือจะต้องผ่านหลายประเทศ แม้จะมีคลองคีล แต่ในยามสงครามก็ถูกปิดกั้นโดยง่ายจากทุ่นระเบิดวางโดยข้าศึก จึงจำเป็นต้องสร้างศักยภาพในการป้องปรามต่อประเทศที่จะมาคุกคามเส้นทางเดินเรือ และขนส่งพลังงานเข้าสู่ประเทศ ด้วยการคงประจำการเรือดำน้ำพลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุดชั้น 212A จำนวน 6 ลำ

แม้จะยกเลิก Warsaw Pack ไม่มีภัยคุกคามที่เด่นชัดแล้วก็ตาม และที่น่าสังเกตุคือ ทะเลบอลติกและทะเลเหนือมีความลึกน้ำเฉลี่ยใกล้เคียงกับอ่าวไทย แต่กองทัพเรือเยอรมันกลับสร้างเรือดำน้ำที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าที่เคยใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 สาเหตุหนึ่งคือเรือดำน้ำเป็นอาวุธทางรุก ยากต่อการตรวจพบ และให้ปฏิบัติการได้นานขึ้น สามารถเล็ดรอดเข้าไปทำลายกำลังหลักของฝ่ายตรงข้ามได้ตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่อาณาเขตทางทะเลของตน พื้นที่ปฏิบัติการหลักจึงอยู่ภายนอก

ซึ่งจะยิ่งสร้างอำนาจการป้องปรามให้สูงยิ่งขึ้น ดังคำกล่าวที่ว่า “ Nowhere to be seen but present everywhere” แปลเป็นไทยง่ายๆว่า “มองไม่เห็นตัว แต่สร้างความสะพรึงกลัวไปทั่ว” ด้วยเหตุนี้ความจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ อาจไม่ได้มาจากภัยคุกคามเพียงอย่างเดียว แต่เป็นความจำเป็นต้องสร้างศักยภาพในการป้องปราม เพื่อลดข้อเสียเปรียบด้านภูมิศาสตร์ ทำให้ผู้รุกรานที่อาศัยเงื่อนไขความขัดแย้งที่มีอยู่ ต้องยับยั้งชั่งใจว่าอาจถูกกระทำก่อน หรือถูกโจมตีตลบหลังจากภายนอก

ทำให้ผลที่ได้รับไม่คุ้มกับความสูญเสีย จึงเลิกล้มความตั้งใจที่จะรุกรานในที่สุด การที่จะตอบว่า “มีเรือดำน้ำไปทำไม” นอกจากการอุดช่องโหว่ด้านข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์แล้ว ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆเกี่ยวข้องอีกมากที่จะแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่า เช่น ประเด็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านภูมิรัฐศาสตร์ การรับประกันเสรีภาพในการประกอบกิจกรรมเศรษฐกิจทางทะเล

และการสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนกับระบบเศรษฐกิจทางทะเลของไทย เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องตอบคำถามต่อสาธารณชนอีกจำนวนมาก อาทิ อะไรคือความเสี่ยงที่ต้องจัดหาเรือดำน้ำในสภาวะการณ์เช่นนี้ ทำไมไม่ลงทุนกับการปราบเรือดำน้ำจะดีกว่าหรือไม่ ความคิดจัดหาเรือดำน้ำถือว่าล้าสมัยหรือไม่

เพราะในอนาคตจะมีโดรนใต้น้ำล่าทำลายเรือดำน้ำแล้ว อ่าวไทยตื้น เรือประมงและอุปกรณ์ก็เยอะไม่เป็นอุปสรรคต่อปฏิบัติการของเรือดำน้ำหรือ และเมื่อซื้อมาแล้วมีความสามารถจะดูแลรักษาให้พร้อมใช้ตลอดอายุการใช้งานหรือไม่ ฯลฯ เป็นต้นประเด็นต่างๆเหล่านี้ ผมเห็นว่าจำเป็นต้องมีคำตอบให้ประชาชนผู้เสียภาษีอากรได้ทราบถึงความจำเป็น ความคุ้มค่า และความทันใช้งานเพื่อประกันความเสี่ยงอย่างครบถ้วน ที่มา :https://1.bp.blogspot.com/…/jAPzVm9…/s361/Thailand%2Bmap.gif ,

ขอบคุณข้อมูล:กองทัพเรือ โดย โฆษก กองทัพเรือ

เรียบเรียงโดย:setup999

May