ทนายประมาณ ขอโทษหลังสวนกลับ ไมค์

บันเทิง

ก่อนหน้านี้ ไมค์ พิรัชต์ ออกมาประกาศขอถอนคำร้องปกครองบุตรร่วมกับ ซาร่า คาซิงกินี และขอเก็บเงินเข้าบัญชีให้ลูกตั้งแต่นี้เป็นต้นไป และจะเอาให้ลูกเมื่อลูกบรรลุนิติภาวะ ทางด้าน ทนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความของ ซาร่า ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ซึ่งบางประโยคที่โพสต์ไปนั้นทำให้เกิดดราม่าชาวเน็ตเข้ามาต่อว่าจนทัวร์ลงอย่างหนัก

ล่าสุด ทนายประมาณ ก็ได้ออกมาเฟซบุ๊กอีกครั้งชี้แจงสิ่งที่โพสต์ไปว่า ” ก่อนอื่นผมต้องขอโทษที่การโพสก่อนหน้านี้อาจจะดูรุนแรงเกินสมควรผมขอชี้แจงว่าที่ผมรับทำเคสของน้องซาร่าเพราะเห็นใจที่แม่ที่รักลูกมากๆดั่งดวงใจคนหนึ่งต้องมาเผชิญกับสถานการณ์เช่นในปัจจุบันผมอยากให้ทุกคนเปิดใจและมองอย่างเป็นกลางว่าทั้งน้องไมค์และน้องซาร่ามีส่วนในการเลี้ยงดู

อบรมสั่งสอน ให้การศึกษาเล่าเรียนแก่น้องแม็กซ์เวลล์ทั้งคู่ โดยเขาแบ่งหน้าที่กันทำ พ่อทำมาหากิน หาเงินส่งเสียให้ลูกมาแล้วเกือบ 8 ล้าน ส่วนแม่ก็ผูกพันตั้งครรภ์ เลี้ยงลูก ให้น้ำนม อบรมบ่มนิสัย ให้ความรักมาโดยตลอด ทั้งคู่ต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดมาโดยตลอดครับ มันเทียบไม่ได้หรอกครับว่าใครทำหน้าที่ได้ดีกว่าใคร

เพราะทั้งคู่ไม่ได้ทำหน้าที่เดียวกันส่วนเรื่องอะไรที่ทั้งคู่เคยทำหรือพูดในอดีต ขอให้มองเป็นอดีตไป เพราะมันไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ การที่เราซ้ำเติมใครจากเรื่องที่ผ่านมาแล้วมันไม่ได้มีประโยชน์ใดๆเกิดขึ้นเลยครับวันนี้เมื่อมีเรื่องขึ้นมาสู่ศาล และทางฝ่ายน้องไมค์ขอถอนคำร้องไม่รับเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่ขอใช้อำนาจปกครองร่วม

ที่ผมพูดว่าไม่ควรถอน ผมขอชี้แจงในประเด็นข้อกฎหมายนะครับ- การขอรับรองบุตรเพื่อให้เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดา เป็นสิ่งที่ดีและสมควรทำครับ เพราะจะทำให้เด็กมีทั้งพ่อและแม่ที่ชอบด้วยกฎหมาย มีสิทธิได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากทั้งพ่อและแม่ เมื่อเด็กโตขึ้นก็จะมีหน้าที่ในการอุปการะเลี้ยงพ่อ-แม่ เมื่อชราเช่นเดียวกัน- ส่วนอำนาจปกครองบุตร

โดยหลักแล้วมาพร้อมกับการเป็นบิดาและมารดาที่ชอบด้วยกฎหมาย โดยอำนาจปกครองบุตรนี้จะทำให้บิดามารดา สามารถกำหนดถิ่นที่อยู่ของเด็กได้ ให้ทำงานตามสมควร ว่ากล่าวตักเตือน เรียกเด็กคืนจากผู้ที่ไม่ได้มีอำนาจปกครอง และยังจัดการทรัพย์สินและการต่างๆของเด็กได้ อย่างไรก็ดี หากมีเหตุการณ์ใดที่อาจส่งผลให้เกิดความยุ่งยาก

หรือขัดต่อประโยชน์และความผาสุกของเด็ก อาจสามารถกำหนดให้พ่อหรือแม่หรือบุคคลอื่นมีอำนาจปกครองบุตรแต่เพียงฝ่ายเดียวได้ โดยไม่กระทบต่อความเป็นบิดาและมารดาที่ชอบด้วยกฎหมายในประเด็นของน้องไมค์และน้องซาร่า เนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้อยู่กินกันฉันท์สามีภริยา

ถ้าให้ทั้งคู่ใช้อำนาจปกครองร่วมกัน ทั้งคู่ก็จะสามารถกำหนดถิ่นที่อยู่ของลูกและอื่นๆได้ และหากเห็นไม่ตรงกันก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาตามมา ในกรณีนี้จึงควรมีผู้ใช้อำนาจปกครองเพียงคนเดียว และซึ่งน้องซาร่าเป็นแม่ของลูก คลุกคลีอยู่กับลูกมาทั้งชีวิตของลูก ให้ลูกกินนมจากเต้ามากว่า 4 ปี

ทำหน้าที่ของแม่ได้ไม่บกพร่อง จึงควรจะให้อำนาจปกครองยังคงอยู่กับน้องซาร่า (เหมือนกรณีทั่วไปที่บิดามารดาหย่าร้างกัน ก็ต้องมาตกลงกันว่าจะให้ลูกอยู่กับใคร ให้คนนั้นมีอำนาจปกครองบุตร และให้อีกฝ่ายมีสิทธิเยี่ยมเยียนตามสมควร)ดังนั้น คำคัดค้านฉบับใหม่ที่ผมเขียนให้ น้องซาร่าจึงยินยอมให้น้องไมค์เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย

แต่ขอให้อำนาจปกครองบุตรยังอยู่ที่แม่จากเหตุการณ์นี้เข้าใจว่าน้องไมค์มาร้องต่อศาลเพราะต้องการรับรองบุตร รู้สึกถูกกีดกันและอยากมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับลูก วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องคือการที่จะต้องมาคุยมาไกล่เกลี่ยกับฝ่ายน้องซาร่าว่าเพราะอะไรถึงรู้สึกถูกกีดกัน และน้องซาร่าก็ควรจะพยายามให้โอกาสพ่อได้เจอกับลูก

และมีส่วนในการตัดสินใจมากขึ้น แต่ทั้งคู่ต้องคุยกันครับเมื่อถึงวันนัดไกล่เกลี่ย พ่อกับแม่ก็ควรจะมาไกล่เกลี่ย โดยสามารถตกลงกันได้ในชั้นไกล่เกลี่ยของศาลว่าให้อำนาจปกครองบุตรส่วนไหนอยู่กับพ่อและให้ส่วนไหนอยู่กับแม่การถอนคำร้องไม่รับรองบุตรเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่ขอใช้อำนาจปกครองร่วม

นอกจากจะไม่ทำให้น้องไมค์บรรลุวัตถุประสงค์ของการยื่นคำร้องเข้ามาในครั้งนี้แล้ว ยังกระทบต่อสิทธิของน้องแม็กเวลล์ด้วย ผมจึงเห็นว่าไม่ควรถอนการรับรองบุตร ควรจะถอนเฉพาะส่วนของการใช้อำนาจปกครองร่วมเพียงเท่านั้น เพราะการที่น้องไมค์ยื่นคำร้องเข้ามาแล้ว เป็นการแสดงเจตนาที่จะรับรองบุตรแล้ว

เมื่อถอนไปศาลจะต้องถามฝั่งมารดาว่าคัดค้านการถอนหรือไม่ ทางน้องซาร่าอาจจำเป็นจะต้องคัดค้านไม่ให้ถอนในส่วนของการรับรองบุตรเพราะเป็นสิทธิของน้องแม็กเวลล์โดยตรง เพราะหากน้องซาร่าไม่คัดค้าน ก็จะทำให้น้องแม็กเวลล์ไม่มีพ่อที่ชอบด้วยกฎหมาย และหากอนาคตน้องแม็กซ์เวลล์ต้องการให้พ่อรับรองบุตร

หากฝ่ายบิดาไม่แสดงเจตนาไปจดทะเบียนรับรองบุตร น้องแม็กซ์เวลล์ก็อาจจะต้องกลับมาฟ้องต่อศาลอีกครั้งในส่วนของหน้าที่ในการอุปการะเลี้ยงดูบุตร ที่เป็นผลมาจากการเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ผมเห็นว่าน้องไมค์ยังคงสามารถทำได้

ไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกบรรลุนิติภาวะก่อน เพราะจริงๆแล้วบุตรผู้เยาว์จำเป็นต้องได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากพ่อและแม่ในระหว่างที่เขายังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องการได้รับการศึกษาเล่าเรียน โดยหากมีความกังวลว่าเงินจะไม่ถึงมือลูก ก็สามารถโอนตรงให้กับทางโรงเรียน

หรือหากอยากให้ประกันสุขภาพลูก ก็สามารถจ่ายตรงให้กับบริษัทประกันได้ ดั่งเช่นที่ทำมาตลอด ไม่จำเป็นต้องโอนให้น้องซาร่าครับหวังว่าโพสนี้จะให้ประโยชน์แก่หลายๆท่าน และช่วยให้ปัญหาที่เกิดขึ้นของครอบครัวนี้ดีขึ้นในเร็ววันนะครับประมาณ เลืองวัฒนะวณิช10/10/20 ”

ขอบคุณข้อมูล : ประมาณ ว่า..”