นก จริยา ถูกคุกคามบนเครื่องบิน จนอาการแพนิกกำเริบ

บันเทิง

ต้องบอกเลยว่าเป็นนักแสดง-ผู้จัดละคร ที่มักจะผลิตผลงานออกมาให้แฟนๆได้ชมกันอยู่เสมอ สำหรับ นก จริยา ที่ล่าสุด เธอได้ออกมาเปิดใจในรายการคุยแซ่บShow ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเครื่องบิน และอาการแพนิกกำเริบว่า “มันเป็นช่วงที่โควิดซาใหม่ๆ เราเริ่มเดินทางกันได้ออกนอกประเทศ ลูกสาวอยากไปทำธุระ

เราอยากไปพักด้วยที่อังกฤษ เราก็จองตั๋วกันไป คิดว่าปลอดภัยเพราะเราใส่แมส 2 ชั้นตอนเดินทาง วันนั้นไปสายการบินที่ไม่ค่อยคุ้นเคยก็ไม่ค่อยรู้อะไร เก้าอี้ค่อนข้างมีระยะและค่อนข้างส่วนตัว

ภาวะการบินที่ไม่ปกติเกิดขึ้นได้ อย่างดีเลย์เราเข้าใจ แต่มีผู้โดยสารที่ต้องนั่งติด 3 ท่าน มีพี่ ลูกสาว และผู้โดยสารอีกท่านเป็นชาวตางชาติ

เราก็มองว่าลูกนั่งตรงนั้นเพราะมันก็มีระยะ เค้าใส่เฝือกที่มือใส่เฝือกที่ขา เรายังสะกิดบอกกับลูกว่าสงสารเค้าจังเลยเนอะ เราก็นั่งของเรากันไปไม่ได้เกี่ยวข้องกัน

พอนั่งไปสักพักเครื่องออกลูกสาวก็ทำหน้าตกใจแล้วบอกว่า มี๊เค้าเกาต้นแขนหนูอ่ะ เราก็ตกใจชะโงกไปดูกับลูกเหมือนเค้ากึ่งหลับกึ่งตื่น

เราบอกเค้าละเมอมั้งลูก อาจไม่ได้ตั้งใจเรายังมองในแง่ดี นั่งไปอีกสักพัก ลูกบอกว่ามี๊้มือเค้าไหลมาข้างหนูบ่อยมากเลยไม่ดีละเราก็ยังคิดว่าเค้าไม่ตั้งใจ

เราก็คิดว่าไปบอกพนักงานสายการบินกันมั้ยให้เค้าเปลี่ยนที่หรือว่าดูแลเรามากขึ้น เพราะเรารู้สึกไม่สบายใจ เราก็เดินไปบอกพนักงานสายการบิน

แต่พี่คงโชคไม่ดีไปเจอคนที่จัดการไม่ดี เค้าเป็นแอร์ผู้หญิง เรารู้สึกว่ามีความปลอดภัยที่จะบอกผู้หญิงด้วยกัน ให้เค้าช่วยเดินไปดูหน่อยผู้โดยสารที่นั่งข้างๆ

ลูกสาวเค้ามีมือเลยมาเกาหรือไม่ตั้งใจก็ไม่รู้ เค้าก็ทำท่าแบบไม่ว่างมาก เค้าต้องไปถามฟังความข้างเดียวไม่ได้ เราก็โอเคถ้าเค้าจะไปถามซอฟๆ

เค้าก็ให้ลูกสาวเดินตามไปแล้วก็ไปถามผู้โดยสารที่เกาแขน คนนั้นเค้าก็โวยขึ้นมาเลย เค้าไม่สนใจหรอก เค้าแต่งงานแล้วเห็นมั้ย มันกลายเป็นสถานการณ์มันแย่ขึ้นไปอีก

เพราะไม่มีที่ให้พี่เปลี่ยนได้ไฟล์ทเต็มจริงๆ แต่เราต้องการการดูแลจากเค้า แต่การดูแลจากเค้าและวิธีแก้ปัญหากลายเป็นว่าไปทำให้ผู้โดยสารคนนั้นโวยมาใส่พี่กับลูกสาวใหญ่เลย

แอร์เลยบอกว่าคุณต้องนั่งที่เดิม เราก็โกรธไงสถานการณ์มันแย่ลง พี่เลยสลับที่กับลูกสาวเรานั่งกลางเอง ต้องนั่งอีกเกือบ 10 ชั่วโมง

สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?

นก : พี่เริ่มตกใจละ เพราะว่าพี่มีภาวะแพนิกอยู่ด้วย กำลังรักษาอยู่ แต่ว่ามันดีขึ้นแล้ว ณ วันนั้นเราเริ่มตกใจละก็กังวลเยอะ

แต่เราจะไม่ยอมกินยา แต่มีความรู้สึกว่ายามันทำให้ง่วง พี่ก็ไม่รู้สถานการณ์อีตาคนนี้ยังไง ก็เลยฝืนไม่กินยา

หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นอีกมั้ย?

นก : เค้าก็ดื่มเครื่องดื่มไปเรื่อยๆ เลย เค้าก็หันมาสบถใส่เรา เราก็บอกพอหยุด ต่างคนต่างนั่งไป เราสองคนแม่ลูกโกรธการจัดการที่มันแย่มาก น้ำตาไหลอ่ะ มันไม่ควรเกิดขึ้น

โกรธถึงขั้นอาการกำเริบหายใจไม่ออก?

นก : พี่เริ่มมีการแพนิกตีกลับ แต่ไม่ยอมกินยาอยู่ดี กลัวแพ้มัน เกิดมันลุกขึ้นมา

สุดท้ายมีคนมาช่วย?

นก : ก่อนมีคนมาช่วยมันพีคขนาดที่เค้าปัดแก้ววิสกี้ราดพี่หมดเลย เค้านั่งสบถไปเรื่อยๆ เราบอกพอๆ พยายามยุติทุกอย่างแล้ว

เพราะมันแก้ไขปัญหาไม่ได้ เค้าก็กินไปเรื่อยๆ พูดโน่นพูดนี่ไปเรื่อยก็คงหมั่นไส้ แล้วทำเป็นปัด เราดูรู้เค้าไม่ได้ง่วงหรืออะไร

ปัดใส่พี่ราดเต็มกางเกงเลย พี่ก็แบบอะไรเนี่ย เราก็ลุกขึ้นไปกับลูกสาวไปเรียกหัวหน้าที่อยู่ไฟล์ทนี้มาพี่ไม่ไหวแล้ว

เห็นมั้ยว่าพี่เปียก เค้าก็มากันเลยทุกคน มาแค่พูดขอโทษ เราก็บอกว่าไม่นั่งแล้วตรงที่นั้นมันไม่ปลอดภัยจะทำยังไงให้ดูแลเราได้มากกว่านี้ควรแก้ไขด้วยวิธีให้เรารู้สึกปลอดภัยด้วย

สุดท้ายมีผู้โดยสารเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย?

นก : แทนที่จะเป็นการแก้ไขจากสายการบิน กลายเป็นผู้โดยสารที่นั่งถัดจากพี่ไป 2 แถว เค้าเดินมาบอกว่าถ้าต้องการเปลี่ยนที่บอกผมนะครับผมยินดี

พี่แบบขอบคุณมาก แต่เราก็เกรงใจเค้าเพราะที่นั่งเราเปียกวิสกี้หมดเลย เค้าก็พยายามเดินมาบอกว่าไม่เป็นไร เราก็รับความช่วยเหลือจากเค้า

เค้ามากับครอบครัว คุณแม่ แล้วก็ภรรยาเค้า เค้าย้ายไปนั่งของพี่ 2 ที่ โดยที่เราก็ไม่หลับอีกเลย นั่งจ้องอย่างเดียวเมื่อไหร่จะถึง เครียดมาก พอเจ้าหน้าที่สายการบินรู้เรื่องแล้วก็เดินมาดูบ่อยขึ้น

คนที่มาช่วยชาติไหน?

นก : คนลาว ตอนแรกพี่คิดว่าเป็นคนไทย น่ารักมากๆ เลย เดินเข้ามาผมยินดีนะครับ ผมมีลูกสาวผมเข้าใจ แล้วมันไม่ควรเกิดขึ้น

ขอบคุณข้อมูล:Orange Mama

May