นักกฎหมาย เตือน ขู่เอาผิดไม่โหลดแอปฯหมอชนะ ขัดรัฐธรรมนูญ

ข่าวทั่วไป

จากกรณีที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ระบุว่านายกฯ ได้ลงนามข้อกำหนด พ.รก. ฉุกเฉินยกระดับบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค ยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุด และปราบปรามลงโทษผู้กระทำความผิดอันเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรค โดยชี้ว่าหากป่วยเป็นโควิด และตรวจพบว่าไม่มีแอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” ถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทางด้านของดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย อาจารย์ประจำคฯะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นว่า “ว่าด้วยเรื่อง “หมอชนะ” การแพร่ระบาดของโควิดรอบนี้ค่อนข้างกระจายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าภาครัฐเองย่อมมีหน้าที่ในการควบคุมดูแลสถานการณ์ดังกล่าวให้บรรเทาเบาบางลงผ่านการออกมาตรการต่างๆ

โดยให้ประชาชนปฏิบัติตามอันเป็นสิ่งจำเป็นและเข้าใจได้  ล่าสุด รัฐพยายามยกระดับความเข้มข้นในการยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิดโดยได้ประกาศข้อกำหนดฉบับที่ ๑๗ ซึ่งออกตามความ มาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ กำหนดมาตรการต่างๆ ให้ประชาชนปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในการป้องกันโรค

เช่น การรักษาระยะห่าง การสวมหน้ากากผ้าหรือหน้าการอนามัย การล้างมือ การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย รวมถึงการติดตั้งระบบแอปพลิเคชั่นที่ภาครัฐกำหนด ทั้งนี้หากผู้ใดฝ่าฝืนถือเป็นความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน ๒ ปี ปรับไม่เกิน ๔ หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ข้อ ๔ แห่งข้อกำหนด) อย่างไรก็ดี ส่วนตัวผมเองมีข้อสังเกตในมาตรการข้างต้นที่กำหนดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การติดตั้งระบบแอปพลิเคชั่นที่ภาครัฐกำหนด”

อาจเป็นมาตรการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญได้  กล่าวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น จริงอยู่ว่า “แอปพลิเคชั่นติดตามตัว” (Tracking Application) จะเป็นมาตรการของภาครัฐที่ถูกออกแบบมาเพื่อมีวัตถุประสงค์ในการสกัดการแพร่ระบาดของโควิดอย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากพิจารณาตามข้อเท็จจริงทั่วไป (ยังมิพักที่จะกล่าวถึงกลุ่มคนที่ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ) เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ยังมีข้อจำกัดต่างๆ

ที่ส่งผลให้ประชาชนหลายกลุ่มหลายท่านไม่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นที่ภาครัฐกำหนดในโทรศัพท์มือถือของเขาได้ เช่น ความรู้ความเข้าใจของประชาชนในการติดตั้งแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์ก็ดี ระบบของโทรศัพท์มือถือของประชาชนที่จะรองรับการติดตั้งแอปพลิเคชั่นก็ดี (ความสามารถของโทรศัพท์รุ่นต่างๆ) ฯลฯ เมื่อทางภาครัฐกำหนดให้ประชาชนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

โดยมีการกำหนดโทษทางอาญากรณีมีการฝ่าฝืน (คุณหมอทวีศิลป์กล่าวผ่านการรายงานสถานการณ์โควิดวันนี้อย่างชัดเจนว่าหากปรากฏว่าผู้ติดเชื้อโควิดไม่มีการติดตั้งแอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนด) แต่ยังคงปรากฏข้อจำกัดของประชาชนแต่ละคนที่อยู่บนพื้นฐานที่แตกต่างกันออกไปตามที่ผมอธิบายไปข้างต้น

ทั้งยังไม่ปรากฏรายละเอียดที่ภาครัฐจะเข้ามาทำให้การปฏิบัติตามมาตรการข้างต้นไม่เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน (มาตรา ๙ แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) จึงย่อมถือว่า “มาตรการติดตั้งแอปพลิเคชั่น” มีลักษณะเป็นการเพิ่มภาระ หรือจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของประชาชนเกินสมควรแก่เหตุตาม อันเป็นการขัด หรือแย้งต่อมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญ

(และขัด หรือแย้งต่อ มาตรา ๙ แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่เป็นฐานอำนาจในการออกข้อกำหนดเองเสียด้วยซ้ำไป) ภาครัฐต้องไม่ลืมว่า การมีภารกิจในการดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งรวมถึงการมีหน้าที่ในการดูแลด้านสาธารณสุข หรือสุขภาวะของประชาชน (Public Health)

นั้น ไม่ได้หมายความว่า เพื่อแก้ไขปัญหาข้างต้น จะส่งผลให้รัฐสามารถออกมาตรการใดๆ ขึ้นมาก็ได้ตามอำเภอใจโดยมิได้คำนึงการเคารพและพิทักษ์รักษาสิทธิเสรีภาพของประชาชนซึ่งก็เป็นอีกหน้าที่หลักหนึ่งของรัฐที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ด้วยเฉกเช่นเดียวกัน”

ขอบคุณข้อมูล:Ponson Liengboonlertchai

เรียบเรียงโดย:setup999