บอย โกสิยพงษ์ เล่าประสบการณ์ป่วย เจ็บหน้าอก

บันเทิง

เรียกได้ว่าเป็นนักแต่งเพลงและนักร้องชื่อดังที่มีชื่อเสียงมาก สำหรับ บอย โกสิยพงษ์ ปัจจุบันอายุ 54 ปี เป็นบุคคลในวงการเพลงที่ไม่มีใครไม่รู้จักเหล่านักร้อง ศิลปินหลายคนก็ต่างอยากร่วมงานด้วยเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว

ล่าสุดแฟนๆแห่ส่งกำลังใจให้ บอย เป็นจำนวนมาก หลังจากที่เจ้าตัวได้ออกมาเล่าอาการป่วย เผยว่า เมื่อพฤหัสที่ผ่านมา ผมเข้าไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาล เนื่องจากรู้สึกเจ็บหน้าอกแบบจุกๆ มาสักอาทิตย์นึงแล้ว(แต่ถ้าจะให้คะแนนความเจ็บน่าจะแค่ราว 2/10เท่านั้นเอง) แต่ไม่ได้มากมายอะไร

ตอนไปพบก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอโรคร้ายแรงอะไรเลย เพียงแต่อดทนต่อเสียงรบเร้าของลูกและภรรยา(ที่เขาห่วง)ไม่ได้ พอบอกอาการคุณหมอ คุณหมอก็วินิฉัยว่าอาจจะมีเส้นเลือดตีบจึง ให้ไปฉีดสีเพื่อทำเอกซเรย์ คอมพิวเตอร์ ซึ่งพูดตามตรง

ผมก็ยังคิดเหมือนเดิมว่าไม่น่าจะมีอะไรหรอก เพราะที่ผ่านมา ผมได้ออกกำลังกายทำสวน และทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมไปถึงทำ แทบทุกอย่างที่ควรจะทำ ซึ่งผลการตรวจเลือดทุกอย่างของผมดีมาก ถึงขนาดที่ว่าคุณหมอประจำ ชมว่าน่าอิจฉาผลเลือดนี้จัง

หลังทำเอ็กซ์เรย์ เสร็จผมก็เดินกลับบ้านไปรอผลอย่างชิลล์ๆเพราะมั่นใจมากว่าไม่มีอะไรแน่นอน ยังนึกในใจว่าไม่น่าบอกภรรยาและลูกว่าเจ็บหน้าอกเลย จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาตรวจ ตอนเดินกลับมาที่โรงพยาบาลปรากฏว่ามีอาการจุกๆเล็กน้อย พอไปถึงก็พบกับคุณหมอที่ฉีดสีเอ็กซ์เรย์ให้

และแกก็ถามว่า ได้พบคุณหมอเจ้าของไข้แล้วใช่ไหม ทราบผลหรือยัง ผมตอบว่ายังครับ แต่ไม่เป็นอะไรอยู่แล้วเพราะผลเลือดผมดีสม่ำเสมอมาก คุณหมอบอกว่าเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบ2เส้นนะครับเส้นหนึ่งเป็นเส้นหลัก

อีกเส้นนึงเป็นเส้นแขนง ผมซึ่งยังมีความมั่นใจมากอยู่ก็บอกแกว่า คงไม่ตีบมากใช่ไหมฮะคุณหมอ? แต่คำตอบที่ผมได้รับคือตรงกันข้าม คุณหมอบอกตีบไปประมาณ 75% จะให้ชัวร์ต้องใส่สายเข้าไปฉีดสีดู พอผมไปพบคุณหมอหัวใจเจ้าของไข้ ผมก็ยังไม่มีความรู้สึกว่าน่ากลัวแต่อย่างไรเหมือนเดิม

ผมถามแกว่าเดี๋ยวเดือนกันยาพอผมกลับมาจากทำธุระที่ต่างประเทศแล้วค่อยมาทำยังทันใช่ไหม แกตอบว่าไม่น่ารอนานขนาดนั้นนะ เดี๋ยวแกส่งข้อมูลให้อาจารย์ที่ผ่าตัดดูอีกที เผื่อว่าจะมาปรึกษาวันอาทิตย์แล้วทำให้เสร็จภายในอาทิตย์หน้าเลย

ปรากฏว่าหลังจากที่แกส่งรายงานให้อาจารย์หมอแล้ว แกบอกว่ารอพบอาจารย์หมอได้ไหมเดี๋ยวอาจารย์รีบเข้ามาเลย ผมบอกว่าได้ครับ แบบเหงื่อซึมนิดๆ พออาจารย์หมอมาถึงแกบอกว่าจัดการคืนนี้เลยเถอะ!!! ไม่ต้องรอแล้ว

ปรากฏว่าคืนนั้นผมเลยต้องทำการสวนเส้นเลือดหัวใจเพื่อทำบอลลูน เพราะเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจนั้นตีบไป 80% แล้ว คุณหมอบอกว่า หากระหว่างนี้มีอะไรไปอุดนี่อันตรายมากๆ เลย ผมพยายามต่อรองหลายอย่างมากเพราะไม่อยากทำ เนื่องจากยังไม่ได้เตรียมพร้อมและยังมีนัดประชุมเรื่องงานคอนเสิร์ทปลายปีอีก

แต่อาจารย์หมอพูดแบบถอนหายใจว่า เมื่อท่านเตือนมาให้ทำแล้วก็ทำเถิดครับ ผมเลยตอบรับคำอย่างว่าง่ายที่สุด เพราะผมคิดว่าคำว่าท่านนี่น่าจะเป็นคำเตือนจากพระเจ้าแน่ๆ คิดได้เท่านั้นแหละฮะ ใจหายแว๊บเลย เพราะผมเป็นคนที่กลัวเข็มฉีดยากลัวมีดกลัวการผ่าตัดมากๆ

ยิ่งดูเรื่อง the good doctor ยิ่งทำให้ผมสยองกับการเข้าห้องผ่าตัด แถมการทำบอลลูนนี้คุณหมอบอกว่าไม่มีการวางยา มีแค่ยาชาเท่านั้น เพราะนี่เป็นแค่การผ่าตัดเล็กๆอีกด้วย ผมขออนุญาตข้ามเรื่องระหว่างการสวนหัวใจไปเลยดีกว่ามันมีรายละเอียดที่อาจทำลายขวัญของบางท่านที่ขวัญอ่อน

จนอาจจะพาลกลัวไม่กล้าทำเอาดื้อๆได้ (แต่ก็ควรทำอยู่ดี) ทั้งที่จริงๆแล้วเมื่อคิดกลับไปมันก็ไม่น่ากลัวและเจ็บเท่าที่ผมจินตนาการเอาไว้นะฮะ เพียงแต่ระหว่างผ่าตัด เขามีการพูดคุยกันด้วยศัพท์เฉพาะแพทย์และพยาบาลเท่านั้นจึงจะเข้าใจ ซึ่งมันเหมือนฉากผ่าตัดในหนังเรื่อง the good doctor เลย

คุณหมอและคุณพยาบาลทุกท่านเมตตาผมมากคอยให้กำลังใจผมตลอดตั้งแต่เริ่มจนจบและทำทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วและเรียบร้อยมากๆ ตอนทำเสร็จผมได้มีโอกาสเห็นเส้นเลือดที่ตีบของผมด้วยครับ มันเหลือความไม่ตีบอยู่น้อยเหมือนกัน

ในใจคิดว่าเกิดมันไปตีบหรือมีอะไรไปอุดตอนอยู่ต่างประเทศนี่คงยุ่งแน่ๆเลย ขอบคุณพระเจ้าและคุณหมอทุกท่านและทีมพยาบาลทุกท่านที่ดูแลผมอย่างดีมากๆนะครับ ที่เขียนมาอย่างยืดยาววันนี้ก็อยากจะบันทึกไว้เป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าประมาทกับเรื่องสุขภาพนะครับ บางทีเรานึกว่ามันไม่เกิดขึ้นกับเราหรอก

แต่ถ้ามีอะไรเตือนหรือร่างกายพยายามจะบอกอะไรเรา ฟังเขาบ้างก็ดีนะครับ จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมคิดว่าตัวผมเองน่าจะทำประกันสุขภาพเอาไว้จะได้ไม่ต้องกังวลใจตอนจ่ายค่ารักษา

หากมีบริษัทประกันสุขภาพเจ้าไหนที่รับลูกค้าที่เคยเป็นมาหลายโรคแล้ว (แต่ผลเลือดดีมาก อย่างผมขอเชิญติดต่อมาได้นะครับ ผมอยากเป็นลูกค้าฮะ) สุดท้ายนี้ขอพระเจ้าอวยพรให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บป่วยนะครับ

ขอบคุณข้อมูล : Boyd Kosiyabong