บิ๊กตู่ คิดกู้เพิ่ม ดันคนละครึ่งเฟส 5 วอน ปชช.เข้าใจอย่าโจมตีรัฐบาล

ข่าวทั่วไป

ต้องบอกเลยว่าจากสถานการณ์โควิด-19ที่แพร่ระบาดหนักมานานหลายปี ส่งผลกระทบจนทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนขาดรายได้หาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งทางรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเปิดโครงการเยียวยาประชาชนอยู่ตลอด

ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 65 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า เทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ เป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นใหม่ ในการขับเคลื่อนประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจตามโรดแมป ทั้งการท่องเที่ยวการลงทุนและการส่งออก เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชน

โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบ กลุ่มผู้สูงอายุต้องมีการวางแผนรองรับสังคมผู้สูงอายุที่จะเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมการทุกมิติแล้ว ปัญหาอยู่ที่งบประมาณที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน เราใช้เงินเหล่านี้ดูแลคนทุกช่วงวัย ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จนกระทั่งถึงผู้สูงอายุ เราใช้งบประมาณแต่ละปี 8 แสนกว่าล้านบาท ฉะนั้นการจะให้เพิ่มขึ้นก็อยู่ที่งบประมาณที่เราจะหาได้ในอนาคต ว่าเราจะเพิ่มขึ้นได้อย่างไร เพื่อรองรับการใช้จ่าย

นอกจากนี้ยังมีมาตรการช่วยเหลือการเกษตร พืชหลัก 6 ชนิด หลายแสนล้านบาท การใช้จ่ายงบประมาณในปี 2565 ที่เหลืออยู่ และการจัดทำงบประมาณในปี 2566 ตนให้หลักการไปแล้วว่า เราจะทำอย่างไรที่จะนำพาประเทศของเราผ่านปัญหาอุปสรรคและวิกฤตที่เกิดขึ้น ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศที่เราควบคุมไม่ได้ โดยใช้หลักการว่าจะทำให้อยู่รอดปลอดภัย พอเพียง

และนำไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต นี่คือหลักการที่ตนสั่งวันนี้ว่า ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ขณะที่รายได้เราก็ลดลงหลายเรื่อง แม้การส่งออกจะดีขึ้นก็ตาม ปัจจุบันไม่ใช่ปัญหาเรื่องโรค โควิด-19 เพียงอย่างเดียวยังมีสงครามด้วย ยืนยันว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง รัฐบาลเร่งรัดในการทำการค้ากับหลายประเทศ ซึ่งพบว่ามีหลายประเทศสนใจที่จะลงทุนในไทยด้วยศักยภาพ

และมีทรัพยากร ‘ซอฟพาวเวอร์’ ที่มีความเข้มแข็ง โดยจะต้องเร่งรัดเจรจาทำ MOU และข้อตกลง FTA ที่ได้ดำเนินการมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องการค้าและการลงทุน และยกระดับมาตรการการตรวจหาเชื้อ โควิด-19 และระบบการเก็บรักษาวัคซีน

วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ จะมีการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ เนื่องจากผู้ที่เดินทางเข้าประเทศมีอัตราการติดเชื้อน้อยลง เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนภายในประเทศทำให้ธุรกิจต่างๆเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของตนอยู่รอด ปลอดภัย เพียงพอ ยั่งยืน

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นห่วงการใช้เงินของประชาชน วันนี้รายได้ลดลง ขณะเดียวกันราคาสินค้าบริโภค พลังงานก็สูงขึ้น ทำให้รายได้ที่เขาได้แต่ละวันแต่ละเดือนไม่เพียงพอ ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวันมันเกือบถึง 50% ของรายได้เขา หรืออาจจะมากกว่า เพราะรายได้เขาไม่มากนัก ฉะนั้นต้องอยู่ที่พฤติกรรมด้วย ต้องปรับเปลี่ยน เรามีเงินน้อยก็ต้องเลือกใช้

เลือกกินให้เหมาะสมกับสถานะของเราในขณะนี้ แต่พอดีมีเหตุการณ์เกิดขึ้น หลายอย่างกำลังจะดีขึ้น รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ วันนี้ได้สั่งให้มีมาตรการต่างๆ ทยอยออกมาเรื่อยๆ ทั้งนี้จำเป็นต้องหาแหล่งรายได้เพิ่มเติมให้ได้

ส่วนความจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มหรือไม่ พลเอกประยุทธ์กล่าววาส ขณะนี้กำลังหารืออยู่ และได้เตรียมมาตรการเอาไว้แล้ว ซึ่งการที่จะทำให้อยู่รอดปลอดภัยและเพียงพอ จะต้องดูว่าใช้งานอย่างไรมีเงินอยู่เท่าไหร่ และจำเป็นจะต้องหาเพิ่มหรือไม่ เป็นขั้นตอนการหารือกันอยู่

ส่วนมาตรการที่กำลังพิจารณา จะเป็นคนละครึ่งเฟส 5 ด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า โครงการคนละครึ่งใช้งบประมาณจำนวนมาก จึงต้องหาว่าจะนำเงินมาจากไหน ด้วยวิธีการอะไร แต่เมื่อมีการกู้เงินก็จะมีการโจมตีรัฐบาล ขอให้เข้าใจถึงเหตุผลและความจำเป็น ย้ำว่าเงินทุกบาททุกสตางค์จะต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด จึงขอประชาชนเข้าใจ หากมัวแต่โจมตีกันไปมา ก็จะไม่สำเร็จสักอย่าง ต้องรับฟังเสียงจากประชาชนด้วย

ขอบคุณข้อมูล :สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว