เป็นสาวสวยที่หายหน้าหายตาออกไปจากวงการบันเทิง สำหรับ จอย จามจุรี ที่ก้าวเข้าสู่วงการจากการที่เเมวมองสนใจสาวจอยจากภาพถ่ายตามหน้านิตยสาร จนทำให้เธอมีผลงานภาพยนตร์เรื่องเเรกอย่าง อีกสิบวันโลกจะเเตก
คู่กับต๋อย ไตรภพ เเละทำให้เธอมีผลงานเรื่องต่อมาอย่าง บ๊ายบายไทยเเลนด์ ก่อนที่จะมาโด่งดังเเละเป็นที่รู้จักในละครเรื่อง ปัญญาชนก้นครัว รับบทเป็น อรวิลาศ
จนกระทั่งในปี 2532 สาวจอยได้รับบทเป็นนางร้ายครั้งเเรกในละครเรื่อง ตำรับรัก ซึ่งทำให้ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ส่งผลให้นักเเสดงเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง
จนทำให้เเฟนๆละครจำสาวจอยได้จากบทบาทนางร้าย จากละครเรื่องนี้ เเละในปีพ.ศ.2533 เรียกได้ว่าเป็นปีทองของสาวจอยเลยก็ว่าได้เพราะผลจากความโด่งดังของละครตำรับรัก
ส่งผลให้ปีนั้นผลงานการแสดงของสาวจอยมีทั้งบทรองและบทร้าย แต่เพราะด้วย ความสำเร็จ ของละครที่เธอรับบทเป็น นางร้าย ทำให้ผู้คนต่างจดจำภาพของสาวจอยได้กว่าบทไหนๆ
เเละส่งผลให้เธอมีชื่อเข้าชิงรางวัลโทรทัศน์ทองคำสาขานักแสดงนำหญิง และ สมทบหญิงยอดเยี่ยมประจำปี 2533 นับเป็นปีทองด้านการแสดงของสาวจอยเลยก็ว่าได้
หลังจากนั้นเป็นต้นมาสาวจอย ก็ได้ปรากฏตัวสร้างสีสันในบทนางร้าย บทร้ายตลก หรือบทร้ายที่มีมาเพื่อสร้างสีสันให้กับละครโทรทัศน์ทุกช่อง
เเต่หลังจากที่เธอขึ้นเเท่นเป็นนางร้ายเบอร์หนึ่งได้ไม่กี่ปีเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งงานและมีลูกมีครอบครัว โดยได้ทิ้งทวนตำนานความเป็นนางร้ายเอาไว้กับผลงานละครเรื่อง ดาวแต้มดิน
ในปี พ.ศ. 2538 ก่อนออกจากวงการโดยไม่รับงานแสดงเรื่องใด ๆ อีก เพราะต้องการดูแลครอบครัวอย่างเต็มที่ เเต่ถึงจะไม่มีงานในวงการออกมาให้เห็นเเล้ว
แต่ก็ใช่ว่าสาวจอยจะไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าสื่อเลยนับจากนั้น โดยเธอยังเคยออกรายการ star hunt บอกเล่าชีวิตความเป็นมาของตนเอง เเละยังเคยเป็นนักแสดงรับเชิญ ในละคร นักสู้พันธุ์ข้าวเหนียว และมีผลงานโฆษณาสินค้าเล็กน้อยลงใน youtubeด้วยค่า
ขอบคุณข้อมูล:pantip
