สรยุทธ ฟาดกลับ ที่ปรึกษา ศบค. ปมข่าว 3 ผู้ป่วย

ข่าวทั่วไป

เรียกได้ว่าผู้ประกาศข่าวชื่อดัง สรยุทธ สุทัศนะจินดา  ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีที่ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษา ศบค. โพสต์ข้อความพาดพิงถึงเหตุการณ์ผู้ป่วยโควิด 3 คน

โดยระบุข้อความว่า “โดยบอกกับคุณตาว่า ส่งแค่นี้แล้วก็ไป ไม่ทราบคุณสรยุทธเอาข้อมูลนี้มาจากไหนอะครับ ผมดูคลิปของไทยรัฐและในโพสต์ของกลุ่มเส้นด้ายแล้วก็ไม่เห็นมีนะครับ” โดยสรยุทธได้ชี้แจงว่า “Warat Karuchit “โดยบอกกับคุณตาว่า ส่งแค่นี้แล้วก็ไป”

“ไม่ทราบคุณสรยุทธเอาข้อมูลนี้มาจากไหนอ่ะครับ ผมดูคลิปของไทยรัฐและในโพสต์ของกลุ่มเส้นด้ายแล้วก็ไม่เห็นมีนะครับ” ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษา ศบค. โพสต์ตั้งคำถามนี้ เพื่ออะไรครับ …

โพสต์นี้ที่อ้างเอามาตั้งคำถาม ผมลงตอนเที่ยงคืน 9 นาทีของคืนก่อน หลังได้รับทราบข่าวนี้ และทีมข่าวได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ปรากฎตาม “คลิปภาพและเสียง” ของลูกชายวัย 42 ปีของคุณพ่ออายุ 63 ปี และคุณปู่ วัย 93 ปี ในค่ำคืนวันนั้น รวมทั้งนักข่าวได้ตรวจสอบเบื้องต้น โดยสัมภาษณ์ญาติ (ลูกสาวอีกคน) ของครอบครัวนี้

ที่ได้รับแจ้งว่าคุณลุงทั้ง 3 คนไปนั่งรออยู่ริมถนนกลางดึก ได้อย่างไร ปรากฎตามคลิป ประโยคที่ถามผมว่า “โดยบอกกับคุณตาว่า ส่งแค่นี้แล้วก็ไป” เอามาจากไหน ก็จับใจความมาจากทั้ง 2 คลิปนี้ครับ เข้าใจความหมายมั้ยครับ “ส่งแค่นี้ … แล้ว (เจ้าหน้าที่) ก็ไป” รู้จักการสื่อสารแบบจับใจความมั้ยครับ สื่อถึงขนาดต้องจับคำพูด “ตรงเป๊ะ” มานำเสนอเท่านั้นหรือครับ การตั้งคำถามนี้ คงเพราะ

หนึ่ง…ไม่ได้ดูรายการในเช้าวันต่อมา ซึ่งได้นำเสนอข้อเท็จจริงนี้อย่างครบถ้วน ปรากฎในคลิปรายการที่ดูยัอนหลังได้

สอง… ผลจากการตั้งคำถามนี้ ย่อมทำให้คนที่อาจไม่ได้ติดตามข่าวนี้จากรายการ มองผมในแง่ร้ายและย่อมทำให้เกิดความเสียหาย โดยประการที่จะทำให้ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง

ไม่อยากจะคิดว่า จะจับผิดการทำงานสื่อใช่มั้ยครับ ทำเพื่ออะไรครับ

และทำในนามส่วนตัว

หรือในนามที่ปรึกษาด้านสื่อของ ศบค.ครับ

การเอาโพสต์ของผมที่โพสต์ไว้ตั้งแต่หลังเกิดเหตุทันที แล้วเอามาตั้งคำถามในภายหลังแบบพยายามจะจับคำพูดแบบนี้ เป็นธรรมหรือเปล่าครับ

คืนวันนั้น มีเสียงลูกชายที่อยู่ในที่เกิดเหตุบอกในคลิปด้วยว่า “ทหาร” มาส่ง แต่เมื่อไม่สามารถยืนยันได้ว่าจริงหรือไม่ หรืออาจจะเป็นความเข้าใจผิด เมื่อยังไม่สามารถตรวจสอบได้ ผมก็ให้ดูดเสียงคำนี้ออก และไม่ได้พูดในรายการเลยว่าหน่วยงานไหนเพื่อให้ความเป็นธรรมในเบื้องต้นด้วย

หลังเจ้าหน้าที่ออกมาชี้แจง มีคลิปเสียงชายคนเดิม ขอโทษเจ้าหน้าที่ สรุปว่า รถวิ่งเลยไป เลยขอลงเอง ข้อนี้ บอกตรงๆ นะครับ ปกติ จะต้องขยายให้ข้อเท็จจริงปรากฎ 2 ด้านว่า ลูกสาว กับเจ้าตัวเองในคืนนั้นพูดว่าอย่างไร แต่ผมเห็นว่าในยามวิกฤติ ควรจะให้กรณีนี้เป็นบทเรียน

เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีกเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องขยายให้เรื่องลุกลามกลายเป็นความขัดแย้ง เมื่อต้องร่วมกันแก้ปัญหา ที่สำคัญ ด้วยความเคารพนะครับ ตามหลักการควบคุมโรคระบาด ต่อให้ ผู้ป่วยโควิด ทั้ง 3 ราย “ขอลงเอง” ก็ยอมให้ทำแบบนั้นไม่ได้ครับ เพราะเป็นผู้ติดเชื้อโรคระบาด

ยิ่งเป็นผู้สูงวัย ขนาด 93 , 63 ปี ในยามค่ำคืนแบบนั้น ย้ำนะครับ สื่อมีหน้าที่สะท้อนปัญหาตามความเป็นจริงในสังคมครับ ในวิกฤติโรคระบาด ร่วมแรงร่วมใจกันทำความเข้าใจกับประชาชน ช่วยเหลือประชาชนดีกว่ามั้ยครับ”

ขอบคุณข้อมูล:สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว