ร่วมอาลัย หมอหนึ่ง

ข่าวทั่วไป

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19คร่าชีวิตผู้คนหลายรายแล้ว ทำสะเทือนใจหนักมากก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะหายออกไปจากประเทศสักที โดยเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 64 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า รติรัตน์ รถทอง ได้ออกมาโพสต์อาลัย หมอหนึ่ง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสวนหลวง

ระบุว่า ข้าว…ทราบข่าวนี้สักสองวันแล้วแต่ยังไม่สามารถเขียนออกมาเป็นข่าวสารเพื่อสื่อให้คนเข้าใจสถานการณ์ได้ว่าสมุทรสาครมีอะไรที่มากกว่าความเงียบงัน…ของคนสมุทรสาครหมอหนึ่ง นายพิเชษฐ์ สหกิจหมออนามัย รพสต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบนจ.สมุทรสาคร เวลาปะทะคนไข้แรกๆ จะเป็นหมอโรงพยาบาลชุมชนตำบลเหล่านี้

พวกเขาและเธอต่างต้องรับมือคนเจ็บคนป่วยที่เข้ามารักษาใน รพ.ด่านแรกที่เจอโควิด…ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราเข้าใจผิดว่าเรามีด่านแรกที่เข้มแข็ง มี อสม. มีทุกอย่างดูแลโรคระบาดได้ในครั้งแรกๆ แต่ลืมไปว่า หมอหรือเจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็พลาดและหมดแรงได้ พอมาระลอก 3 มาเต็ม ๆ เราถึงมีข่าวว่าหมอ พยาบาล จนท.ติดกันเยอะ…ทุกคนกล้ำกลืน…แบบให้งานมาแต่ไม่ได้ติดอาวุธป้องกันให้พวกเขาทัพหน้าของไทย

หมอหนุ่มๆ หมอสาว ๆ ด่านหน้าเหล่านี้…หลายคนอายุน้อย โสดเป็นอนาคตของประเทศ อย่างหมอหนึ่ง ที่เป็นความหวังของครอบครัว. เป็นความภูมิใจของคนรอบข้างในสังคมได้พึ่งพา ดูแลคนไข้มากมาย เป็นเพื่อนเป็นน้องของคนที่รักเขา เขาก็รักคนเหล่านั้น

ขนาดน้องได้รับการฉีดซิโนแวดแล้วสองเข็มด้วยซ้ำแต่ป้องกันอะไรได้บ้างมั้ย ไม่เลย บางคนบอกข้าวว่าเหมือนฉีดน้ำเปล่ากันตาย. ที่ข้าวโมโหคือเพราะที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราเป็นหมอยังออกมาเชียร์ หลายคนบอกว่าดีที่สุดของคนไทยสมควรได้รับการฉีด…ลองมาเป็นพวกเขาบ้างซิแล้วตายบ้างซิ

เสียดายอนาคตหมอหนึ่งในอนาคตเราอาจมี ผอ.รพ.สต.ที่ดีๆ หรือเปล่า?…สังคมไทยเรากว่าจะสร้างคนดีคนเก่งมาทำงานยากเย็นขนาดไหนใครรู้ตอนแรกข้าวว่าจะไม่เขียนแบบนี้…เพราะข้าวไม่รู้จักน้อง แต่เห็นน้องจบมหาลัยเดียวกันก็อดไม่ได้…

เพราะยังไงคงไม่ใช่รายเดียวที่ถูกลืม ขนาดเผาศพญาติพ่อแม่พี่น้องยังไปเปิดดูหน้าก่อนตายไม่ได้เลยจะมีอีกสักกี่คนคะที่ต้องสูญเสียอีก จะตายคาบ้านอีกกี่ร้อยกี่พันกี่หมื่นคน…ตอนปีที่แล้วข้าวยังคิดว่า ประเทศอื่นๆ อย่างอเมริกา อังกฤษ ยุโรปเขาโชคร้ายนะศพกองเป็นหมื่นฝั่งรวมกัน น่าสงสารนะแต่เปล่าเลย เราคนไทยนี่ต่างหากที่ลำบากลำบนมากว่าเขามากมายหลายร้อยเท่าเพราะว่าผู้หลัก

ผู้ใหญ่เราอยู่บนปราสาทหอคอยงาช้างสองวันก่อนอ่านข่าวเป็ด เชิญยิ้มว่าพ่อแม่เขาตายหมดทั้งคู่ แม่ตายมิถุนายน พ่อตายต้นกรกฏาคมนี้เองเป็ดร้องไห้ยังกับเด็กๆ ใครจะดูแลพวกเราประชาชนคนไทยที่เดือดร้อนและคาดว่าจะเจ็บกันไปอีกนาน…เจ็บและไม่จบ. อาจรอวัคซีนกว่าจะได้ครบเมื่อไหร่ เราอยากเดินภายใต้ดวงอาทิตย์แบบไม่ใส่แมสบ้าง. นี่สองปีแล้ว เป็นปี ๆ แล้วที่ออกไปกินข้าวนอกบ้านไม่ได้..เหนื่อยนะช่วยตื่นจากฝันที่วาดไว้บ้าง มองสถานะความเป็นจริงของเราบ้าง?

พี่ครูข้าวในสถานะคนสมุทรสาครเหมือนกันและเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้เราจะอยู่คนละคณะคนวงการการทำงานพี่ข้าวที่น่าจะแก่กว่ามาก ๆ คนนี้ก็ขอให้หมอหนึ่งสู่ภพภูมิที่ดีและสุขคติเถิดน้อง…

ปล.เคตดิตภาพจากเฟสบุชของหมอหนึ่ง ขอบคุณที่อ่านค่ะ ร่วมอาลัยกันนะคะ…ข้าวเป็นนักเขียนอยากให้ทุกคนตระหนักรู้ความน่ากลัวของโควิด 19. ดูแลตัวเองด้วยทุกคน

ขอบคุณข้อมูล : รติรัตน์ รถทอง