หนุ่มรีวิวบ้าน ที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก ตั้งเป้าจะจัดระเบียบใหม่ ให้เหมาะกับยุคโควิด

ข่าวทั่วไป

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ถูกแชร์และพูดถึงกันเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อมีหนุ่มคนหนึ่งได้ออกมาตั้งกระทู้ในพันทิปในหัวข้อ “รีวิวบ้านตัวเองในยุคโควิด” พร้อมกับระบุข้อความเอาไว้ว่า “ช่วงนี้ใครหลายคนก็ต่างใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ภายในบ้าน เริ่มมีการปรับเปลี่ยนหลาย ๆ มุมภายในบ้านให้เหมาะสมต่อการ work from home กันมากขึ้น จขกท. เองก็เห็นหลายคนเริ่มต่อเติมหรือเปลี่ยนเแปลงมุมต่าง ๆ ในบ้าน

ให้สวยงามแล้วก็อยากลองปรับเปลี่ยนอะไรในบ้านให้ตอบรับกับยุคใหม่บ้างแต่ติดตรงที่พื้นที่ภายในบ้านน้อยมาก โดยเริ่มเกริ่นจากบ้านที่อยู่ตอนนี้มีขนาดประมาณ 8 ตร.วา ซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กซึ่งเล็กลงไปอีกด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่เก็บมาตั้งแต่ยุคบรรพบุรุษและไม่มีวี่แววที่จะได้ทิ้งออกไปเลย รูปที่นำมาประกอบเป็นรูปจริงนะครับ ใช้ชีวิตอยู่แบบนี้มาตั้งแต่เกิดเลย ภาพบางมุมอะจะดูไม่ชัดเจนเพราะไม่สามารถเข้าไปถ่ายได้

โดยขอเริ่มจากบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งเป็นทางที่แคบที่สุดในบ้าน (จริง ๆ ควรต้องเป็นบริเวณที่กว้างขวางเข้าออกสะดวกสะด้วยซ้ำ) ภาพแรกเป็นภาพที่ถ่ายจากด้านในบ้านออกไป ภาพสองจะเป็นการถ่ายจากหน้าบ้านเข้าไปในตัวบ้าน จะเห็นว่าทางเดินภายในบ้านกว้างประมาณ30เซน คุณพระ!! ทางเดินในบ้าน1ไม้บรรทัด แคบมากๆ ซึ่งสืบเนื่องมาจากบรรดาของ(ขยะ)ที่คุณพ่อคุณแม่เป็นคนเก็บ แล้วห้ามเครื่องย้ายไม่ว่ากรณีใด ๆ

และที่พีคที่สุดคือออ การเปิดปิดไฟภายในส่วนหน้าบ้าน ซึ่งใช้เปิดปิดด้วยวิธีส่องกบแล้วแทง อ่านถูกแล้วครับ การที่จะเปิดปิดไฟได้ต้องทำการเล็งแล้วแทง รูที่ทุกคนเห็นเป็นรูเดียวในบ้านที่สามารถมองเห็นผนังของบ้านได้ (หลุมดำเชื่อมมิติ) ซึ่งระยะห่างจากจุดนี้ถึงผนังน่าจะประมาณเมตรครึ่งได้ เห็นผนังรอบล่าสุดน่าจะอายุประมาณ 4 ขวบแล้วก็ไม่ได้เห็นอีกเลยเป็นเวลา 19 ปี นานจนลืมไปแล้วว่าผนังบ้านเคยแขวนอะไรไว้บ้าง

ส่วนที่พีคตามมาคือที่วางตู้เย็นครับใช่แล้วครับสิ่งที่ทุกคนเห็นว่าเป็นกล่องโฟมคือตู้เย็นที่บ้านเองครับ ผ่าม!! หยอกนะครับ จริง ๆ แล้วตู้เย็นก็มองไม่เห็นเหมือนสวิสต์ไฟเลยครับการที่จะเปิดปิดแต่ละทีต้องทำการย้ายของทั้งหมดซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 30 ชิ้นออกมาให้หมดก่อน (ถ้าไม่เกรงใจพระเกรงใจเจ้า น่าจะมีการเอาของไปวางบนหิ้งพระแล้วครับ) ต่อมาเคลื่อนที่ไปที่ห้องต่อไปของตัวบ้าน โดยห้องต่อไปขอเรียกเป็นห้องครัวผสมห้องน้ำนะครับ

ด้วยความที่เป็นบ้านหลังเล็กๆ พื้นที่เลยถูกออกแบบให้ใช้เนื้อที่อย่างประหยัด โดยส่วนที่เชื่อมระหว่างบริเวณหน้าบ้านกับห้องครัวก็จะเป็นบริเวณที่มีการเก็บเครื่องปรุงต่าง ๆ ที่ทำให้อาหารในแต่ละมื้อมีรสชาติที่จัดจ้านยิ่งขึ้น จากที่เห็นเริ่มไม่แน่ใจว่ามันเป็นที่วางเครื่องปรุงหรือที่วางของ (ขยะ) กันแน่ มีการกลืนกันระหว่างของสองสิ่งได้อย่างไม่ลงตัว ในแต่ละวันที่มีการหยิบเครื่องปรุงสามารถเกิดขยะสไลด์ได้ตลอดเวลาหรือแม้แต่สไลด์ลงมาเองโดยไม่มีกั้น

และต่อมาคือที่ (เคย) ใช้ประกอบอาหารหรือที่เรียกง่าย ๆ คือครัว ที่เห็นอยู่ใต้ซากกองขยะนั้นเคยเป็นที่วางเตาแก๊สขนาด2เตาและอะไรอีกมากมายที่ไม่สามารถบอกได้เพราะไม่ได้เห็นว่ามีอะไรอยู่บริเวณนั้นมานานมากแล้ว โดยปัจจุบันได้ทำการเปลี่ยนให้กลายเป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์ (ไม่ได้ตั้งใจ) เลี้ยง อย่างเช่น หนู แมลงสาบ และจิ้งจกซึ่งออกลูกออกหลานมากมายจนลำดับญาติไม่ถูก

และบริเวณที่เป็นกล่องโฟม (กล่องโฟมอีกแล้วหรออออ) คือบริเวณที่ใช้ล้างจาน ชาม ซึ่งกว่าจะล้างได้แต่ละครั้งต้องย้ายของทั้งหมดมาไว้ตรงบันไดก่อน ทำให้โลกระหว่างชั้น 1 และชั้น 2 ถูกตัดขาดออกจากกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งทำให้บางครั้งการลงมาเข้าห้องน้ำต้องรอย้ายของเกือบ 10 นาที จนบางทีลืมไปเลยว่าปวดท้อง ต่อมาจะเป็นส่วนของห้องน้ำถ้าดูจากรูปหลาย ๆ คนคงคิดว่านี่หรอห้องน้ำ นี่มันห้องเก็บของชัด ๆ ซึ่งต้องบอกตรง ๆ ครับนี่แหละคือห้องน้ำ

โดยความพิเศษก็คือ เป็นห้องน้ำที่ไม่สามารถปิดประตูได้ครับ ใช้ประตูห้องน้ำเป็นที่แขวนเสื้อผ้าแบบ D.I.Y ได้ฟิลลิ่งแบบห้องน้ำธรรมชาติครับลมผ่านเข้า-ออกได้สบาย แต่ส่วนของกล่องโฟมที่เห็นอีกแล้วก็คือตู้เย็นแบบพกพาครับ เพราะจากที่เห็นว่าการเปิดตู้เย็นแต่ละครั้งต้องใช้ทั้งพลังงานและเวลาที่มาก ดังนั้นการเลือกใช้ตู้เย็นแบบพกพาจึงเป็นทางที่สะดวกกว่า แต่เก็บอาหารในห้องน้ำแบบนี้ก็ได้หรอรีบไปต่อห้องอื่นดีกว่าครับ โดยไปต่อที่ชั้น 2 กันเลย

แต่ก่อนอื่นขอแวะระหว่างทางก่อน จะไปชั้นต่อไปโดยไม่ผ่านบันไดได้ยังไง จากที่เห็นก็คือบันไดแต่ละขั้นก็จะมีความกว้างประมาณ 30 เซนเหมือนกัน ซึ่งการเดินขึ้น-ลงแต่ละครั้ง ต้องเดินเหมือนซ้อมเดินบนรันเวย์ตลอดเวลาเลยทีเดียว ซึ่งจริงๆแล้วบันไดกว้างมากนะครับ จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ เคยนั่งได้เลย และกล่องที่วางซ้อน ๆ กันบางทีมันก็ถล่มลงมาตามอายุขัยของมัน ต้องทำบุญเยอะ ๆ ก่อนขึ้น-ลงนะครับ

บางทีเจ้ากรรมนายเวรอาจมาในรูปของกล่องกระดาษหล่นทับก็เปนด้ายยยโซนต่อไปก็จะเป็นที่ตากผ้าและบริเวณหลังบ้านนะครับจากภาพก็คือไม่สามารถเดินเข้าไปตากผ้าได้แบบปกตินะครับ จะต้องฝึกการใช้ไม้สอยในการแขวนผ้าด้วยนะครับจนมาถึงห้องสุดท้ายแล้วนะครับ นั่นคือห้องนอนนั่นเองงง โดยต้องขอบอกก่อนว่าตอนนี้อยู่รวมกัน 3 คนนะครับ ( พ่อ แม่ ผม)….ครับ ขอทำใจก่อนสักนิด ไม่รู้จะเริ่มยังไงดีเลยก็ขอบอกเลยว่านี่เป็นที่ ๆ

กว้างที่สุดในบ้านนี้แล้วครับ ด้วยเตียงขนาด king size อันแสนใหญ่โต อันเป็นสถานที่รวมใจของคนทั้งบ้าน ไม่ว่าจะนอน นั่งอ่านหนังสือ นั่งทำงาน ก็จะรวมอยู่ที่ตรงนี้ทั้งหมดครับ โดยจุดที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยคือที่วางคอมบริเวณปลายเตียง (จะเรียกว่าโต็ะคอมก็พูดไม่เต็มปาก) ซึ่งแต่เดิมเป็นที่วางของกองขึ้นมาสูงเท่ากับเตียงเลยทีเดียว แต่ตัวผมได้ทำการนำของเหล่านั้นออกไปและทำเป็นโต๊ะที่ใช้ทำงาน เพราะนั่งทำงานบนเตียงทั้งวันไม่ไหว ปวดหลังมาก ๆ เลย

กว่าจะได้ที่วางคอมตรงนี้ทะเลาะกับที่บ้านอยู่เกือบเดือนเลยโดยบริเวณที่ผมอยากปรับเปลี่ยนมากที่สุดแต่ก็ดูจะทำยากที่สุดหากไม่ได้รับการร่วมมือจากคนในบ้าน ก็คือบริเวณที่สามารถทำเป็นอีกโซนแยกออกมาจากห้องนอนครับ ที่เห็นทั้งหมดเป็นที่รวมของเสื้อผ้าที่ไม่สามารถใส่เข้าไปในตู้เสื้อผ้าได้ หนังสือตั้งแต่ผมอยู่ประถมและเศษกระดาษ ซึ่งที่ผมได้วางแผนไว้ถ้าสามารถนำของบริเวณนี้ออกไปได้ น่าจะทำให้สามารถทำเป็นที่นอนแยกออกมาได้

ไม่ต้องนอนเบียดกันบนเตียง และยังสามารถทำโต๊ะคอมวางบริเวณหน้าต่างห้องได้ ทำให้ไม่ต้องพึ่งแอร์เพื่อให้อากาศในห้องถ่ายเทได้ และยังนั่งทำงานได้โดยไม่ปวดหลังอีกด้วยซึ่งจากที่เห็นมาทั้งหมดเป็นบ้านที่ผมอยู่เองจริง ๆ ไม่ใช่บ้านที่ซื้อมาเก็บของแต่อย่างใด โดยสุดท้ายแล้วถ้าบ้านกว้างขึ้นและจัดให้เป็นระเบียบขึ้นได้สักหน่อย จะมารีวิวเพิ่มเติมนะครับ ขอให้ได้จัดทีเถ้อะะะะสุดท้ายแล้วก็ฝากถึงทุกคนนะครับที่บ้านกำลังจะรกหรือบ้านรกไปแล้ว จัดสะตั้งแต่แรก ๆ ดีที่สุดครับ

อะไรที่คิดว่าจะเก็บลองมองสิ่งของนั้นครับ แล้วถามตัวเองว่าในอีก 6 เดือน-1 ปี เราจะได้หยิบมันมาใช้หรือไม่ ถ้าไม่เห็นว่าจะนำมาใช้ได้เลย ทิ้งเถอะครับ ไม่งั้นมันจะเต็มบ้านของคุณเพราะเอาแต่คิดว่าเก็บไว้ก่อน เดี๋ยวก็ได้ใช้ คำว่าเดี๋ยวก็ได้ใช้จากพ่อแม่ผม มันทำร้ายผมมาเป็นสิบ ๆ ปี จนวันนึงไม่รู้จะเริ่มทิ้งจากอะไร ยิ่งเป็นบ้านที่พ่อแม่ไม่เข้าใจ ไม่ยอมทิ้ง ทิ้งไม่ลงด้วยแล้ว

ถ้าเกิดปล่อยให้เก็บเพียงนิดเดียว ผ่านไปไม่กี่วันครับ ของที่เก็บจะไม่ได้เอามาใช้แล้วมันจะไม่ยอมออกจากบ้านของคุณอีกเลยท้ายที่สุดแล้วก็คือ หากใครสนใจเด็กจบใหม่คณะวิทยาศาสตร์ ชีววิทยา เกียรตินิยมอันดับ 2 ก็ติดต่อได้นะครับ ในกทม.ทำได้หมดเลย (ขอพื้นที่โปรโมทนิสนึง ยุคนี้หางานยากจริง ๆ ถ้าผิดกฎยังไงแจ้งลบได้นะครับ เพิ่งหัดเขียนกระทู้จริงจังแบบนี้)”

ขอบคุณข้อมูล:pantip

เรียบเรียงโดย:setup999