หมอธีระ หวั่นโควิด19 ระบาดรอบ 2 หลังเตรียมคลายล็อก ระยะที่ 4

ข่าวทั่วไป

จากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดหนักไปทั่วโลกและประเทศไทยก็ได้เจอปัญหาวิกฤตนี้เหมือนๆกับประเทศอื่นๆแต่ก็ไม่ได้หนักเท่า ซึ่งในสถานการณ์โควิด-19ของไทยเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีความกังวลว่าน่าจะกลับมาระบาดรอบ 2 อีก ถ้าระบาดรอบ 2 คาดว่าน่าจะหนักกว่ารอบแรกอย่างแน่นอน

ล่าสุด เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ได้ออกมาโพสต์ว่า “9 มิถุนายน 2563โดย รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรศ.ดร.พญ.ภัทรวัณย์ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลได้ยินข่าวว่าทางสมช.กำลังจะประชุมเกี่ยวกับการปลดล็อคระยะที่ 4หากถามว่า

อยากฝากอะไรให้ท่านเพื่อประกอบการพิจารณาผมคงเรียนตรงๆ ดังนี้…”ดูตามเนื้อผ้า ปลดล็อคมา 2 ระยะ ยังไม่มีการรายงานติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีปลดล็อคระยะที่ 3 ยังไม่ถึงเวลาที่จะสรุปได้อย่างมั่นใจว่า จะไม่มีเคสใหม่ในประเทศเกิดขึ้นที่แน่ๆ เราเห็นเหตุการณ์การ์ดตก ที่ชายหาด

ที่โรงหนังในห้างที่จัดปาร์ตี้แฟนคลับดาราเมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์เกิดไล่เลี่ยกัน แม้จะเป็นกิจการที่เสี่ยงพอสมควร ยังไม่มากเท่ากิจการอื่นๆ ที่จะปลดล็อคในระยะที่ 4จะประเมินผล วันที่เหมาะสมควรจะเป็นกลางเดือนมิถุนายนครับว่าจะมีจำนวนเคสเพิ่มขึ้นหรือไม่”หากไม่ และอยากจะก้าวไประยะที่ 4 สิ่งที่ผมจะฝากคือ…”All-at-once strategy” และ “New operational models”ก้าวที่จะไปต่อจากนี้คือ

การเปิดกิจการที่มีความเสี่ยงมากๆจุดชี้เป็นชี้ตาย จะย้อนกลับไปเหมือนต้นเดือนมีนาคมไม่ว่าจะเป็นผับ บาร์ อาบอบนวด หรือสนามมวย และอื่นๆ ที่มีการใกล้ชิดกันของคนหมู่มากดังนั้น หากเกิดเคสติดเชื้อขึ้นมา จะกลายเป็น superspreader ได้แบบกรณีสนามมวย และผับที่ผ่านมา หรือเหมือนกับเกาหลีหลังปลดล็อคคราวก่อนการตัดสินใจเปิดจึงขึ้นกับเงื่อนไข 2 ข้อเท่านั้นหนึ่ง

หากมีรายงานการติดเชื้อ รัฐต้องพร้อมมาก ที่จะมีระบบกวาดติดตามฝูงชนที่อยู่ในสถานที่และวันเวลาที่เกิดเหตุได้อย่างทันท่วงทีการจะทำเช่นนั้นได้ ทีมต้องโคตรพร้อมสำหรับทุกจังหวัด และดีไม่ดีอาจต้องมีการแลกเปลี่ยนกัน กล่าวคือประชาชนที่ไปกิจการที่เสี่ยงอาจต้องแลกกับการยอมรับหนทางในการติดตามตัวยามฉุกเฉินได้

โดยรัฐต้องประกันความเป็นส่วนตัวของเค้าไม่ให้ถูกละเมิดตามสิทธิมนุษยชนสอง กิจการต่างๆ เหล่านั้นจะเริ่มประกอบการได้ก็ต่อเมื่อมีรูปแบบการบริการที่แตกต่างไปจากอดีต เน้นความปลอดภัยของทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการก่อนที่กิจการแต่ละที่จะตัดสินใจรับปาก และก่อนที่สมช.จะใจอ่อนตัดสินใจไปชงให้ศบค.อนุมัติ

ทั้งสองโปรดหวนกลับไปนึกถึงบทเรียนชายหาดและปาร์ตี้แฟนคลับดาราในห้างสรรพสินค้าให้ดีถ้ากิจการยอมรับเงื่อนไข ก็ควรเคร่งครัด มีวินัยอย่างยิ่ง และต้องรับผิดชอบหากเกิดการละเมิดกฎเกณฑ์ถ้าสมช.คิดว่าพร้อมจะชงให้ศบค.อนุมัติเปิดกิจการเหล่านั้น ก็ได้โปรดไปขันน็อตหน่วยงานทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

ให้เคร่งครัดตรวจตรา ไม่ใช่รอให้สื่อโซเชียลเค้ามาลงภาพละเมิดกฎก่อนที่รัฐจะเห็นแล้วค่อยเต้นหากผ่านสองเงื่อนไขดังกล่าวได้ จะปลดล็อคก็คงไม่ว่ากัน และอยากให้รอบคอบ อย่าสู้ศึกหลายด้านด่านที่เราจะสู้ต่อไป มีทั้งโรงเรียน มีทั้งกิจการที่เสี่ยงต่อโรคระบาดกลับซ้ำมาก

ดังนั้นได้โปรดอย่าเพิ่งเอาเรื่องนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามานะครับนโยบาย Green belt หรือ Travel bubble ที่กำลังประโคมข่าวกันนั้น…ใจเย็นๆส่วนตัวแล้วผมอยากเรียนเสนอว่า ให้พ้นระยะที่ 4 ไปก่อน 2-4 สัปดาห์ และไม่มีเคสใหม่ในประเทศ 4 สัปดาห์ ค่อยก้าวต่อไปย่างก้าวสำหรับการท่องเที่ยวยุคใหม่นั้น

ควรเป็น “Managed and traceable travel” ไว้จะมาเล่าให้ฟังครับวันนี้มีสองรายจากต่างประเทศ ได้ยินมาว่ารายหนึ่งที่มาจากยุโรปนั้น เคยมีอาการเหมือนโควิดช่วงกลางมีนาคม แต่ไม่ได้ตรวจแล็บ แต่ผ่านมาสองเดือน กลับมาไทยแล้วตรวจพบว่าติดเชื้อ ผลตรวจยังยืนยันไม่ได้ว่ายังมีไวรัสเป็นๆ หรือไม่ เพราะ RT-PCR นั้นมี cycle threshold ที่มีค่าสูง

ยิ่งค่าสูงแปลว่าอาจมีไวรัสน้อย หรืออาจเป็นซากไวรัสที่ยังคงค้างหลังจากหายแล้วก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนหายโดยเร็วด้วยรักต่อทุกคน#ทำงานที่บ้าน#NewNormal_NewMe#ใส่หน้ากากเสมอล้างมือบ่อยๆอยู่ห่างจากคนอื่นๆ#พูดน้อยๆเจอคนน้อยลงสั้นลงประเทศไทยต้องทำได้ครับ…สู้ๆ…

ขอบคุณข้อมูล : Thira Woratanarat