อัจฉริยะ เผยพบคราบเลือดตรงกับ DNA แตงโม

โซเชียล

เรียกได้ว่ายืดเยื้อมานานกว่า 3 เดือนแล้วก็ยังเป็นที่น่าสงสัย สำหรับกรณีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา นักแสดงสาวชื่อดัง เกิดเหตุพลัดตกเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยาขณะล่องเรือกับแก๊งเพื่อน 5 คนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกมาแถลงปิดคดีแล้วว่าเกิดจากการขาดอากาศหายใจไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรมแต่เพราะความประมาทของคนบนเรือ

ในขณะเดียวกัน อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ หนึ่งในบุคคลที่ตามหาความจริงเกี่ยวกับคดี แตงโม ซึ่งเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรม เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา ก็ได้ออกมาแจงความคืบหน้าว่า ทีมนักประดาน้ำและทีมโดรนใต้น้ำใช้เวลาปฏิบัติภารกิจกว่า 3 ชั่วโมง ในการค้นหามีดหรือที่เปิดขวดไวน์

ซึ่ง อัจฉริยะ เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของแตงโมทั้งหมดลงเรือไปตั้งแต่เวลา 13.00 – 16.00 น. และใช้เวลาวนอยู่บริเวณใต้สะพานพระราม 7 นานกว่าจุดอื่น ๆ เพราะมีข้อมูลจากภาพกล้องวงจรปิด วันเกิดเหตุว่าสปีดโบ๊ทของ 5 คน วนอยู่จุดนี้นานมากอาจมีการทิ้งหลักฐานบริเวณนี้

อย่างไรก็ตามจากการใช้อุปกรณ์โดรนใต้น้ำช่วยค้นหาแต่ก็ไม่เป็นผล กระแสน้ำด้านล่างไหลแรงจนทำให้โดรนพลิกไปมาและลงไปได้เพียง 7 -15 เมตร เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นใต้น้ำได้ และแยกไม่ออกระหว่างขยะใต้น้ำกับโลหะ

นอกจากนี้อีกปัญหา คือ ฝนที่ตกอย่างหนักขณะนี้ทำให้ต้องยุติการค้นหาโดยไม่พบหลักฐานใดๆ อัจฉริยะ จึงบอกว่าหลังจากนี้จะไม่ค้นหาหลักฐานชิ้นนี้แล้ว เพราะหลักฐานที่มีเพียงพอกับการเอาผิด แต่ที่มาหาครั้งนี้ก็เพราะอยากจะให้โทษที่เตรียมฟ้องหนักมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ จะขอเดินหน้าเขียนคำฟ้องคนบนเรือระบุหลักฐานสำคัญพบคราบเลือดแตงโมเลอะเสื้อคนบนเรือแต่ไม่ขอเปิดชื่อ บอกใบ้นักข่าวแค่ว่าเป็นคนที่พูดเก่งๆ เสื้อมีคราบเลือดแตงโม 2 จุด ไม่รู้ว่าในสำนวนมีเรื่องดังกล่าวหรือไม่ตนมีหลักฐานอยู่แล้วแต่รอให้ทางด้านอัยการฯพิจารณาก่อน

จะมีการเรียกประชุมทีมทนายความ ในวันที่ 4 มิ.ย. อีกครั้ง ส่วนกำหนดที่จะพาแม่แตงโมเข้าพบ ผู้บัญชาการ สอท. จะมีการเลื่อนไปเป็นวันที่ 7 มิ.ย.  ส่วนรูปภาพที่บังแจ็คส่งมาในส่วนของตนไม่ใช้เพราะมีมากกว่านั้น

และหลักฐานที่ส่งมาทีหลังต้องตรวจสอบทั้งหมดว่าจริงหรือเท็จส่วนหากเจอหลักฐานจะส่งมอบให้กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบหา DNA ต่อไป อัจฉริยะ ยังฝากถึงทนายเดชาด้วยว่า อย่าไปข่มขู่แม่แตงโม

หรือไลฟ์สดลักษณะข่มขู่ เมื่อสละสิทธิทนายความไปแล้วควรอยู่นิ่งๆซึ่งคุณแม่ยอมรับว่ามีความกลัวส่วนที่ ส.ส.เต้ ทำไปเพราะโมโหที่ทนายเดชาไปข่มขู่แม่ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น