เปิดชีวิต สารรัช อยู่เย็น ทำทุกอย่าง เพื่อลูกภรรยา

ข่าวทั่วไป

ต้องบอกเลยว่าใครหลายๆ คนคงจะรู้จักเจ้าตัวเป็นอย่างดี สำหรับ สารัช อยู่เย็นเป็นนักฟุตบอลชาวไทยในตำแหน่งกองกลาง ให้กับบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในไทยลีก และทีมชาติไทย โดยเจ้าตัวเริ่มเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่อายุ 7 ปี โดยเล่นเพื่อความสนุกสนานกับพ่อและเพื่อน ๆ และได้ตามไปดูพ่อเล่นฟุตบอลบ่อยครั้งจนทำให้เขาเริ่มลงสนามฝึกซ้อมอย่างจริงจังตอนอายุ 10 ปี

ขณะเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ โดยมีมาสเซอร์ นฤพล มาฬมงคล เป็นผู้ฝึกสอนคนแรกเส้นทางฟุตบอลอาชีพของเขานั้นเริ่มต้นขึ้นขณะที่เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6  ช่วงใกล้ที่จะเรียนจะจบได้มีโอกาสเข้ามาเป็นนักเตะเยาวชนของเมืองทอง ยูไนเต็ด เงินเดือนที่ได้รับครั้งแรกกับอาชีพนักฟุตบอลคือ 15,000 บาท

ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่เขาเป็นเด็กเยาวชนของสโมสรเมืองทองนั้น ได้ถูกคาดหวังจากทางผู้ฝึกสอนว่าจะได้เป็นกำลังหลักของสโมสรเมืองทองในภายภาคหน้าด้วยเหตุผลนี้ทำให้ทางเมืองทอง ยูไนเต็ด ส่งตัวเขาไปเก็บประสบการณ์กับทีมต่าง ๆ อาทิเช่น ภูเก็ต และ นครราชสีมา

ในที่สุดเขาก็กลับมาเป็นตัวหลักให้เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้อย่างดีเยี่ยมในนามทีมชาติ สารัชได้ติดทีมชาติไทยในชุดเยาวชนทุกชุด และเข้าสู่อายุ 19 ปี สารัชก็ติดทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในขณะที่ถูกยืมตัวไปเป็นผู้เล่นให้กับภูเก็ต

โดยมีประพล พงษ์พานิช เป็นผู้ควบคุมทีมชาติในขณะนั้น ผลงานของสารัชในนามทีมชาติไทยมีชื่อติดเรื่อยมา จนปี พ.ศ. 2556 ก็สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอล แม่โขง คัพ แต่สารัชไม่มีชื่อติดในทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ 2013 ที่ประเทศเมียนมาร์

และในปีนั้นสารัชได้สร้างผลงานให้กับนครราชสีมาได้อย่างยอดเยี่ยมจนเป็นที่รักใคร่ของแฟนบอลชาวนครราชสีมา ต่อมาในปี พ.ศ. 2557 สารัชเข้าสู่ทีมชาติไทยชุดเอเชียนเกมส์ 2014 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ หลังจากมีผลงานที่ดีกับเมืองทอง ยูไนเต็ด

จน เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เรียกเข้าไปติดทีมชาติและได้พาทีมชาติไทย สร้างประวัติศาสตร์เข้าสู่รอบสี่ทีมสุดท้ายอีกครั้ง ในปลายปีเดียวกัน ในการแข่งขันเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014  สารัชก็ร่วมเป็นหนึ่งในทีมชาติสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้

และตอนนี้สารัชเปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ของบีจี ปทุม หลังย้ายมาจากเมืองทอง ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวประมาณ 30 ล้านบาท ทั้งนี้สารัชจะได้รับค่าเหนื่อย 5.5 แสนบาทต่อเดือน ซึ่งมากกว่าตอนที่เป็นกัปตันทีมเมืองทอง

ซึ่งนอกจากเจ้าตัวจะสร้างบ้านหลังใหญ่ให้ครอบครัวอยู่อย่างอบอุ่น ยังเปิดธุรกิจเอาไว้ให้ลูกกับภรรยาเป็นธุรกิจคาร์แคร์ที่ได้กระแสตอบรับดีมาก แถมเจ้าตัวยังเป็นคนที่ใช้จ่ายไม่ฟุ่มเฟือยอีกด้วย