เปิดประวัติ นิต้า มานิตา นางสาวไทยคนที่ 53

บันเทิง

เรียกได้ว่าใครหลายๆ คนคงจะรู้จักเจ้าตัวเป็นอย่างดี สำหรับ นิต้า มานิตา ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เจ้าของตำแหน่ง นางสาวไทย 2565 เป็นนางสาวไทยคนที่ 53 ของประเทศไทย โดยเจ้าตัวนั้นและเกิดและโตที่ภูเก็ต จบการศึกษาปริญญาตรี จากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

คณะคอมมูนิเคชัน อาร์ต เกียรตินิยมอันดับ 1 ปัจจุบันเป็นเซลล์เมเนเจอร์ และเป็น “ครูอาสา” ในตำแหน่งวิทยากรพิเศษส่งเสริมการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ณ โรงเรียนวัดบางไผ่นารถ จังหวัดนครปฐม

ซึ่งเป็นพื้นที่ขาดแคลน และถ้าย้อนกลับไปในปี 2018 เธอได้เข้าร่วมประกวด Miss Thailand World 2018 และก่อนเข้าร่วมบนเส้นทางการประกวดนิด้าเคยมีมีน้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม

แต่เธอมีความพยามลดน้ำหนักกว่า 40 กิโลกรัม เพื่อเข้าร่วมการประกวด และดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ถึงเธอจะไม่ได้มงกุฎมาครอง แต่เธอก็ยังมุ่งมั่นออกกำลังกาย และดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง

จนเรียกได้ว่านับวันก็ยิ่งสวยขึ้น กระทั่งกลับมาประกวดนางสาวไทยปีนี้ เธอมีทีมพี่เลี้ยงที่แข็งแกร่งอย่างทีมภูเก็ตคอยซัพพอร์ต ประกอบกับมีประสบการณ์เป็นครูอาสาทำให้เธอมีแพสชั่นตรงกับบริบทของเวที

โดยนิต้ากล่าวว่า แม้เธอจะเติบโตที่ภูเก็ตแต่ด้วยแม่เป็นคนเชียงราย เธอจึงได้เรียนรู้ทั้ง 2 วัฒนธรรมและชอบเรื่องการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ในด้านการศึกษาจากการที่เป็นครูอาสา ทำให้เธอยอมรับนับถือบุคลากรครูตัวจริงมากๆ

เพราะต้องเตรียมเอกสารเยอะแยะมากมาย ซึ่งหากการศึกษาสามารถเข้าถึงทุกที่ในประเทศไทยรวมไปถึงพื้นที่ ขาดแคลน มานิตา กล่าวว่า เธอจะต้องดีใจกับเด็กๆมากๆ แน่ แต่ไม่ใช่เพราะสงสาร

ด้วยเด็กๆ เองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองน่าสงสาร แต่เป็นการที่มองว่าถ้าเด็กได้สื่อการเรียนการสอนที่ดี เข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตได้ พวกเขาจะมีโอกาสพัฒนาตัวเองไปไกลมากกว่า ไม่ใช่อยู่เพียงแค่ในบริเวณโรงเรียนตรงนั้น

และมีความคิดก้าวไกลมากขึ้นในการนำกลับมาพัฒนาบ้านเกิดก่อนที่จะมาเป็นนางงาม มานิต้า ก็เป็นอีกคนที่ต้องดูแลตัวเองอย่างหนัก และเธอเคยมีน้ำหนักมากถึง 90 กิโลมาแล้ว เมื่อสมัยเป็นวัยรุ่น แต่มานิต้าตัดสินใจฟิตหุ่นอย่างจริงจัง

เมื่อเธอมีเป้าหมายในการประกวดนางงามในปี 2018 มานิต้า ลดน้ำหนักอย่างจริงจัง เธอเล่าว่าด้วยความที่ตัวเองเป็นลูกครึ่ง โครงใหญ่ก็ทำให้ดูเป็นคนตัวใหญ่ร่างใหญ่อยู่แล้ว บวกกับตอนเด็กๆยังดูแลตัวเองไม่ค่อยเป็น

ช่วงที่คิดจะลดน้ำหนักแรกๆ เธอใช้วิธีอดอาหาร ร่วมกับการออกกำลังกาย แต่มันไม่ได้ผล คิดว่าผอมแล้ว แต่พอเจอผู้ใหญ่ เขาก็สั่งให้ลดเพิ่มอีก สุดท้ายเธอก็เรียนรู้ว่าและยอมรับว่า

โครงสร้างของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เราไม่สามารถเป็นในสิ่งที่คนอื่นต้องการได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ ทัศนคติ และการใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข