เอ พศิน-แตงกวา เปิดใจครั้งแรก หลังหย่า (คลิป)

บันเทิง

ทำเอาช็อกทั้งวงการกับการ หย่าร้างกันของคู่รักของนักแสดงหนุ่ม เอ พศิน กับอดีตภรรยาต่างวัย แตงกวา จิราพร ซึ่งทั้งคู่ก็หย่ากันมาได้ 3 เดือนแล้ว แต่งานนี้ดูเหมือนหนุ่มเอ จะงานเข้าเพราะมีภาพหลุดสาวอีกหนึ่งคนว่าเป็นมือที่สามที่ทำให้ทั้งคู่ต้องหย่ากัน ล่าสุด สาวแตงกวา ก็ได้ไปผออกรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่อง ONE31 ก็ได้เปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยมี สาวเอ ได้โฟนอินเข้ามาพูดคุยด้วย และก็มี 2 พิธีกรอย่าง พีเค ปิยะวัฒน์ และ ชมพู่ ก่อนบ่าย

สาเหตุหลักของการเลิกกัน ?

เอ : เป็นเรื่องของทัศนคติ น้องเขามีความสามารถนะ มีโอกาสที่ได้ทำงานอะไรมากมาย ถ้าเป็นแม่อย่างเดียวทำไม่ได้ แต่ก็มีการพูดคุยกันว่าถ้าเกิดเดินทาง ต้องใช้เวลาเยอะขนาดนี้ จะดูแลลูกยากนะ ช่วงแรกก็ให้แม่ยายมาดูก่อน แต่ก็ไม่เท่ากับเขาดูเอง เขาเป็นแม่ที่ดี ดีมากด้วย

เวลาเขามีทางเลือกที่มันจะเกิดความเจริญก้าวหน้า เขาดูจะก้าวหน้ามากกว่าผมด้วยซ้ำ เราก็เลยตกลงกันว่าถ้าอย่างนั้นเราก็ควรมีอิสระนะที่แบบเราจะเดินทางไปไหน หรือแบบว่าถ้าจะอยู่ในสถานะที่เป็นครอบครัวบางอย่างมันทำยาก

เอกับแตงกวาได้มีโอกาสลองปรับ ลองจูงกันบ้างหรือเปล่า ?

เอ : ตลอดเวลาครับ คือเราไม่เคยทะเลาะกัน ผมยืนยันว่าผมเป็นคนใจเย็นมาก ทุกอย่างมีการพูดคุย มีการตกตระกอนกันด้วยสติปัญญา ก็การหย่าเป็นข้อสรุปร่วมกัน เรื่องหย่าแก้เคล็ดเป็นความคิดของผมเองที่เกิดขึ้นในช่วงที่ไปออกรายการโหนกระแส เพราะว่าใจเราอยากจะแข็งแรง เพื่อที่จะดูแลทุกคนโดยที่เขาไม่ต้องทำงาน

ความเป็นพ่อถ้าเราจะเกร็งไม่พอ มั่นคงไม่พอในเรื่องของฐานะ เราก็ต้องปล่อยให้เขาแสดงความสามารถ เขาทำได้ดีกว่าเราก็ได้ อันนี้เป็นเรื่องของความก้าวหน้าล้วนๆก็เลยสื่อสารแบบนั้นออกไป เราก็อยากให้ทุกอย่างอยู่กับลูก ซึ่งเราก็เข้าใจพร้อมๆกัน

ดูเหมือนเรื่องจะเงียบ แต่ดันมีกระแสเพราะมีรูปกับสาวปริศนาเข้ามา ซึ่งชาวเน็ตเม้าท์ว่าเป็นสาวคนใหม่ของเรา เป็นมือที่สามจริงหรือเปล่า ?

เอ : ผมอยากจัดแถลงข่าวโดยการนัดชาวเน็ตทุกคนที่พิมพ์ข้อความด้วยความไม่เข้าใจ แล้วเข้าใจผิดบ้างอะไรบ้าง มันเกิดจากการประติดประต่อเรื่องราว ซึ่งผมว่ามันไม่แฟร์ต่อคนที่เขาไม่ผิด เพราะว่าในไทม์ไลน์ เราแยกทางกันแล้วด้วยดี ต่างคนก็ต่างมีโอกาสที่เราเปิดให้เรามีอิสระในการคบหาแล้วก็เรียนรู้ใครก็ตามที่เข้ามาในชีวิตเราก็มีการปรึกษากันตลอดว่าอย่างนั้นดีไหม อย่างนี้โอเคไหม

คือเราคุยกันแบบนี้เลย เราถือว่าเราเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นครอบครัวของลูก ซึ่งทางผมมีปัญหาตรงที่คนที่เขาเข้ามาในไทม์ไลน์ที่มันไม่น่ามีปัญหาเพราะเราหย่ากันไปนานแล้วก็กลายเป็นถูกกระทบด้วยการตัดสินด้วยการมีภาพของโซเซียลมันไม่ยุติธรรมต่อครอบครัวเขา ทุกคนมีพ่อมีแม่ เพราะฉะนั้นผมต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการออกมาพิมพ์อะไรบางอย่าง

อาจจะยาวนิดนึง บางคนก็ด่าว่าผมร่ายยาวสุดท้ายมึงก็เลว แต่ผมก็จำเป็นที่ต้องสื่อสารออกมาด้วยตัวผมเอง ทุกวันนี้ผมยังยืนยันนะว่าผมไม่เคยนอกใจภรรยาตลอดการคบหากัน และผมก็ยึดมั่นในความดีที่ผมทำมาตลอด แต่ถ้าใครจะตัดสินผมด้วยการเรียบเรียงเรื่องราวภาพในโซเซียลเนี่ย อันนี้เราก็ห้ามเขาไม่ได้

ผู้หญิงที่โดนพูดถึงคนนี้เป็นมือที่สามทำให้เรามีปัญหากันหรือเปล่า ?

แตงกวา : ไม่เกี่ยวกับเขาเลย เพราะเราเลิกกันแล้ว แล้วพี่เอก็มีสิทธิ์ มันก็เรื่องของเขาแล้ว

แสดงว่าเราก็รู้อยู่ว่าเอคบกับใคร ?

แตงกวา : เคยถามว่ามีคนคุยหรือเปล่า หนูก็แค่ถาม แต่ก็ไม่ได้ถามต่อจากนั้น

แล้วหลังจากที่รูปหลุดไปเอกับแตงกวาได้คุยกันไหมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ?

แตงกวา : คุยค่ะ

เอ : “ก็คุยครับ ทุกอย่างเป็นเรื่องในครอบครัว แต่พอมีคนเอามาสร้างเรื่อง สร้างราว แล้วทำให้คนที่เขาไม่เกี่ยวเดือดร้อนเราก็ทำยังไงให้ทุกฝ่ายเข้าใจ มันก็ยากนะ อย่างรูปไดร์ผมเกิดขึ้นที่พะเยาที่ผมไปงานบุญ แล้วตรงนั้นก็มีคนอยู่เยอะ ก็แอ๊บๆ ถ่ายรูปกันไป คือเพื่อนในเฟซบุ๊กบางคน พอลงเขาไม่ใช่บุคคลสาธารณะ ทุกคนมีเพื่อนก็แคปไปแชร์ไปก็เกิดความเข้าใจผิด”

พอรูปหลุดไปคนใหม่ของเราโดนโจมตีในโซเชียลหนักเลย รู้สึกยังไงบ้าง?

เอ : รู้สึกผิดมากที่เขามารู้จักเรา คือการที่เราเปิดตัว เปิดใจที่จะคบใครสักคน คือผมอยู่เป็นครอบครัวมาตลอดผมมีความอบอุ่น ผมมีความสุขกับลูกกับครอบครัวมาตลอด พอวันหนึ่งต้องจบแค่วันเดียวมันก็แย่แล้วก็ต้องมีการปรับจนนิดนึง ใน 3 เดือน ต้องเดินคนเดียวด้วยระยะเวลาที่มันห่างไม่เหมือนเดิมก็ทรมานแล้ว แล้วพอมีคนที่ถามเราว่ากินข้าวหรือยัง ทำอะไรอยู่

ซึ่งเราไม่ได้ถูกถามมานานมาก ซึ่งมันก็เป็นความอบอุ่นอย่างหนึ่งที่เพื่อนจะให้กันได้ แล้วก็การได้รู้จักใครบางคนที่ทำให้เกิดความรู้สึกนี้ผมชัดเจนมาก ผมไปงานบุญที่พะเยาผมก็ให้ทุกคนเห็นว่าผมไป เจ้าอาวาสยังเรียกผมไปแนะนำตัว สวัสดีถ่ายรูปกัน พ่อแม่เขาก็อยู่ ก็ทุกอย่างมันชัดเจนด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว

แต่ถูกกวนด้วยสื่อที่มันไม่ยุติธรรม แล้วไม่แฟร์ต่อความจริงใจของเราเลย ตรงนี้ความสัมพันธ์ต้องถอยไปอีกนิดนึงเพื่อดูว่าเขาจะไหวไหมกับการที่ถ้ารู้จักเราเขาต้องเป็นบุคคลสาธารณะ เขาก็มีตัวตนของเขาชัดเจน (มีคลิป)

ชมคลิป

ขอบคุณข้อมูล:คุยแซ่บShow

เรียบเรียงโดย:setup999