แกร็บงง ห้างดังพัทยา บังคับให้ถอดยูนิฟอร์มก่อนเข้า หวั่นเชื้อโรค

ข่าวทั่วไป

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่าน พนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่ ได้เปิดเผยว่า เกิดข้อสงสัยกับมาตรการของศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในย่านพัทยาเหนือ ที่มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยสั่งห้ามไม่ให้สวมชุดเครื่องแบบพนักงานประจำค่ายเดลิเวอรี่ต่างๆ เข้าไปภายในตัวศูนย์การค้า สร้างความงุนงงเป็นอย่างมาก และได้มีการบันทึกคลิปแล้วนำไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก เพื่อหาคำตอบของเรื่องราวที่เกิดขึ้น

สอบถาม น.ส. วันวิสาข์ ทพละกาบ พนักงานส่งอาหารเดลเวอรี่ของขายแกร็บ เล่าว่าในการทำงานของพนักงาน จะต้องมีการถ่ายภาพเสื้อคู่กับสินค้าส่งให้กับลูกค้าตรวจสอบ หากเป็นชุดที่ไม่ใช่ของทางบริษัทก็จะส่งงานไม่ได้ ซึ่งชุดที่สวมใส่นั้นก็ซื้อมาในราคาชุดละ 300 บาท แต่กลับมาถูกทางห้างจำกัดการแต่งกาย

โดยเหตุการณ์ที่ตนเจอนั้นคือทางพนักงานรักษาความปลอดภัยสั่งให้ถอดเสื้อผ้าที่มีตราของบริษัทออก โดยให้เหตุผลเพียงว่าเบื้องบนสั่งมา ซึ่งในฐานะที่ตนเป็นผู้หญิง คิดว่ามันไม่เหมาะสมเลย ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งทางบริษัทและทางห้างก็ไม่มีการออกมาแจ้งก่อนจะมาแจ้งเมื่อเดินทางมาถึงหน้าประตูทางเข้าแล้ว นอกจากตนเองก็มีอีกหลายคนที่ประสบปัญหาเช่นนี้และได้นำเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ไปโพสต์ลงในโลกออนไลน์

ต่อมานายณรงค์ศักดิ์ สุขสงวน ได้เปิดเผยอีกว่า กลุ่มผู้ส่งอาหารเดลิเวอรี่ก็จะมารับออเดอร์กันในห้างโดยปกติแล้วก็จะสวมแจ็กเก็ตเข้าไปแจ้งรหัสสินค้า และก็รับสินค้าจากร้านค้า หรือในกรณีที่บุคคลภายในห้างสั่งของจากร้านค้าด้านนอก ทางพนักงานส่งก็ไปรับแล้วนำมาส่งภายในห้าง ซึ่งในช่วงก่อนมีโรคระบาดโควิด-19

ในช่วงที่ห้างปิด แต่ร้านจำหน่ายอาหารปิดก็จะมีพนักงานส่งอาหารเข้าไปรับได้ ทำให้เกิดรายได้เหมือนเดิม กระทั่งมีการผ่อนผันให้ห้างเปิดได้ กลับมีการแจ้งไม่ให้พนักงานเดลิเวอรี่สวมแจ็กเก็ตหรือเสื้อที่มีโลโก้เดลิเวอร์รี่เข้าห้าง ตนเองคิดว่าเกิดการแบ่งแยกขึ้นหรือไม่ โดยให้เหตุผลว่าพนักงานเดลิเวอร์รี่เป็นกลุ่มเสี่ยง ไปหลายที่ไม่สามารถตรวจสอบได้

แต่จริงๆ แล้วตนยืนยันว่าสามารถตรวจสอบได้จากประวัติการทำงาน ซึ่งห้างอื่นในพื้นที่เมืองพัทยาเข้าได้ทุกห้าง ผ่านจุดคัดกรอง มีการวัดไข้ มีเจลล้างมือ ลงชื่อเข้าออกเหมือนกัน บางห้างมีห้องแอร์ มีน้ำดื่มไว้บริการ มีพนักงานของร้านต่างๆ ลงมารับออเดอร์ และนำสินค้ามาส่งให้ แต่ทางศูนย์การค้านี้ไม่ให้เข้า ไม่มีการแจ้งล่วงหน้าว่าให้พนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่ไปรอรับของในจุดโหลดดิ้ง

ซึ่งก่อนที่จะเกิดโรคระบาดนั้นมีการเข้าไปเดินเล่นตากแอร์บ้าง หลังจากเกิดโรคระบาดก็ไม่มีใครอยากเข้าไปเดินเล่น แต่งานในห้างเข้ามาหาทางพนักงานส่งก็ต้องรับงาน ส่วนมุมมองของตนเองในเรื่องการให้ถอดชุดพนักงานเดลิเวอรี่นั้น ตนเองคิดว่าตนเองเป็นผู้ชายสามารถถอดได้ หากบางคนสวมใส่เสื้อกล้ามด้านในให้ถอดเดินเข้าห้าง ซึ่งพวกตนทำงานด้านนอกอากาศร้อนมีกลิ่นตัวมีเหงื่อมันเหมาะสมหรือไม่

ในส่วนของผูหญิงนั้นแจ้งให้ถอดออกมันไม่เหมาะสมอยู่แล้ว ตนเองคิดว่าเป็นการแบ่งชนชั้นกันเกินไป นอกจากนี้ตนเองได้โทรสอบถามไปยังพนักงานของห้าง ยังได้รับการเปิดเผยว่ามีลูกค้าแจ้งว่าทำไมห้างเปิดแล้ว ยังปล่อยให้พนักงานเดลิเวอรี่เข้าออกทางเดียวกับลูกค้าซึ่งอาจเกิดความไม่ปลอดภัย ทางห้างเลยมีนโยบายห้ามเข้า แต่เมื่อตนเองถอดแจ็กเก็ตแล้วถือเข้าไปกลับเข้าได้ ซึ่งมันไม่มีความแตกต่างกันเลย สร้างความงุนงงเป็นอย่างมาก