แตงโม พูดถึงความรักครั้งเก่า นิก โพสต์ทันที

บันเทิง

ต้องบอกเลยว่าเป็นนักแสดงสาวสวยมากความสามารถอีกหนึ่งคน สำหรับสาว แตงโม นิดา ซึ่งก่อนนี้เจ้าตัวได้ออกไปเปิดใจในรายการ Club Friday Show พูดถึงประสบการณ์ความรักในอดีตที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาการป่วยโรคซึมเศร้า

เนื่องจากพฤติกรรมหึงหวงของแฟนหนุ่มรุ่นน้อง ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ทางด้าน นิก คุณาธิป ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า “เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ไม่ดีมั้ง แต่งเสริมเติมแต่ง อย่าให้พูดบ้างแล้วกัน หนัก”

จนส่งผลให้เรื่องนี้กลายเป็นที่จับตามองอย่างรวดเร็วของบรรดาชาวเน็ต ล่าสุด แตงโมก็ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงเจตนาของตนเองในประเด็นดังกล่าวว่า

หลายคนสงสัยเกี่ยวกับโพสต์ของ นิก คุณาธิป ว่ามันเชื่อมโยงกับการที่เราไปออกรายการคลับฟรายเดย์หรือเปล่า?

ในส่วนที่น้องนิกโพสต์ไป จริงๆ แล้วโมไม่ค่อยอยากที่จะพูดต่อความยาวสาวความยืดเท่าไหร่ ก็จะขออธิบายสั้นๆ นิดเดียวว่า ในส่วนที่โมพูดอ่ะค่ะ มันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว และทุกวันนี้โมไม่ได้หมายความว่าเขายังเป็นแบบนั้นอยู่

ในทุกวันนี้โมก็เห็นว่าเขาเจอคนที่เหมาะสมกับเขา ดูแบบว่าเข้ากันได้ดีมาก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่โมแฮปปี้ที่สุดแล้ว ก็คือไม่ได้พูดเพื่อจะแบบทำลายล้างหรืออะไรพวกนี้เลย เพียงแต่โมไปออกในบริบทที่ว่า เขาถามว่าโรคซึมเศร้า เอ่อ…ในช่วงนั้นมันเป็นยังไง

โมก็เลยต้องเล่าเป็นวิทยาทานเพื่อบางคนที่มีคนในครอบครัวเป็นสภาวะแบบโม เขาจะต้องระวังอะไรบ้าง ก็คือคนฟังโดยส่วนใหญ่ถ้ามองออกมาไกลๆ หน่อย ก็จะมองเข้าไปเห็นถึงการที่โมพูดเนี่ย โมพูดถึงประเด็นที่ว่ามันเป็นแค่การกระตุ้นโรคให้เกิดกำเริบมากขึ้น ประมาณนี้ค่ะ

ตอนนี้ยังได้คุยกับน้องอยู่ไหม?

เอ่อ…ช่วงที่ห่างกันไปแรกๆ อาจจะมีบ้าง เพราะเราก็ไม่ได้โกรธไมได้เกลียดกัน คือโมนิยมเลยที่ลดความสัมพันธ์กับใครแล้วจะต้องมาแบบโกรธกัน คือมันไม่ใช่กฎของชีวิตโมเลย เพราฉะนั้นในช่วงนั้นมันก็อาจจะมีคุยกันอยู่บ้าง ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ

ขอโทษขอโพยซึ่งกันและกัน ขอบคุณซึ่งกันและกัน และก็ยืนยันค่ะว่าเรายังคงมีความรักและความเป็นห่วงกันนะคะ แต่ว่ามันอาจจะไม่ใช่ในสถานะเดิมเท่านั้นเอง แต่พอเราได้มูฟออนชีวิตของเรามาเรื่อยๆ แล้ว ตัวโมเองก็ทำงานเยอะขึ้น ไหนจะต้องเรียนด้วย

และก็มีลูกต้องเลี้ยง รวมถึงโมเพิ่งได้คบกับเบิร์ด ส่วนตัวน้องเขาก็มีแฟนใหม่ที่คบกัน ฉะนั้นพอมาถึงตรงนี้เราจึงพยายามไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน และก็ให้เกียรติซึ่งกันและกันด้วย

เรารู้สึกยังไงบ้างกับสิ่งที่เขาโพสต์?

เข้าใจได้ค่ะ มันก็ตีความหมายได้หลายอย่าง แต่โมจะพยายามเข้าใจในแบบที่ว่า เอ่อ…เราเข้าใจในส่วนของคนที่ไม่ได้ออกมาพูด ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น แต่ก็ต้องอธิบายเลยว่ามันเป็นพื้นที่ที่รายการให้โมไปพูด เอ่อ…ถ้าเกิดแบบเขามีสิทธิ์ที่จะระบาย

หรือว่าบอกเล่าในพื้นที่ของเขา มันก็ไม่ได้ผิดอ่ะค่ะ หรือไม่ก็อาจจะรอให้รายการเชิญเขาไปและก็อาจจะพูดในส่วนของเขา ที่แบบ เอ่อ…มีความรู้สึกไม่ค่อยดีกับโม ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าช่วงนั้นเราสองคนทุกข์กันมากจริงๆ เราพยายามกันที่สุดแล้ว ไม่ใช่ไม่รักกันนะคะ แต่เราแบบ อาจจะไม่ตอบโจทย์ซึ่งกันและกันอ่ะค่ะ

กับคำว่า เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น เรารู้สึกว่าแรงไปไหม?

“อันนี้ต้องแยกนะคะ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น เอาดีใส่ตัวคือเอาความดีไปยัดให้เขาหรือว่าเขาดีอยู่แล้ว อันนี้ต้องคิดด้วย ส่วนเอาชั่วให้คนอื่น อันนี้ก็ต้องคิดในทางกลับกันเหมือนกันค่ะ ว่าเอาความชั่วร้ายไปใส่ให้เขาหรือเปล่า อันนี้โมไม่สามารถตอบได้ เพราะว่ามันอาจจะเป็นเพียงคำพูดของโม

ถ้างั้นก็ เอ่อ…สมมติว่ามันไม่มีสิ่งนั้นที่โมพูดออกไป สมมติว่าโมไม่ได้ออกรายการนั้น ไม่ได้มีสิ่งใดเกิดขึ้น มันก็ยังมีส่วนของเหตุการณ์ที่มีพยาน และคนในครอบครัวรู้เห็นอีก มันก็คือความจริงอ่ะ ทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วแหละว่าเวลาโมพูด

โมไม่แทบจะมีอะไรเพิ่มไปให้ที่มันมากเกินกว่าที่โมให้ คือโมเป็นคนหนึ่งที่สัมภาษณ์อะไรค่อนข้างให้เกียรติกับคนที่เขาอยากได้ประเด็นจากเรา และก็รายการของ พี่อ้อย-พี่ฉอด ทุกคนรู้ดีว่า เป็นรายการที่ค่อนข้างแบบคัดเลือกคนที่จะมาเป็นตัวอย่างให้กับเรื่องความของคนอื่น”

กลัวไหมว่าถ้าเขาออกมาพูดมันจะกลายเป็นหนังคนละม้วน?

“ไม่กลัวเลยค่ะ ไม่กลัวเลย เพราะว่า… โมว่ามันไม่ใช่ว่าคนละมุมนะคะ โมว่ามันมีในส่วนที่โมพูดก็คือส่วนของโม แต่ว่าในส่วนของเขาก็น่าจะมีส่วนของเขาที่เขาต้องอดทนกับโม เพราะว่าโมในตอนนั้นก็ไม่ใช่โมในตอนนี้ ตัวเขาก็เช่นกันอ่ะค่ะ ตัวเขาในวันนั้นก็อาจจะไม่ใช่เขาในวันนี้ก็ได้”