แต๊งค์ พงศกร เปิดใจ หลังโดน ทนายเดชา ฟ้อง

บันเทิง

สำหรับ แต๊งค์ พงศกร อดีตคนรักของ แตงโม นิดา ก่อนหน้านี้เจ้าตัวโดน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ แจ้งความจับ หลังออกมาโพสต์เดือดผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ไม่พอใจที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นทนายขยะเปียก โดยทนายเดชาได้ยื่นฟ้องแต๊งค์ในข้อหาหมิ่นประมาท และในขณะเดียวกัน แต๊งค์ ก็ได้เปิดใจถึงเรื่องคดีที่ถูกฟ้อง งานนี้เจ้าตัวพร้อมสู้มากๆเลยทีเดียว

ทางทนายเดชา ยื่นฟ้องเราวันนี้ได้ทราบเรื่องหรือยัง ?

เห็นแล้วครับ ได้ยินคำพูดบางส่วน บางตอนของเขาแล้ว ระหว่างขับรถมาทำงาน ก็เปิดฟังอยู่ในรถ มีบางคำที่พูดถึงผม เจาะจงว่าเป็นผมเลย สมเพชแล้วก็มีการพูดถึงคุก ถึงตาราง อยากให้ผมไปนอนคุก เหมือนเป็นการขู่ ผมไม่กลัวหรอก เรื่องของคุกผมไม่ได้ท้าทายนะ

พอจะอ่านเรื่องของคดีความเคยขึ้นศาลมาก่อน เคยขึ้นศาลมาหลายคดีแล้ว เราผ่านอะไรมาเยอะก็ไม่ได้กลัวขนาดนั้นจะมาขู่ผมแบบเด็กๆก็ไม่ได้ ผมก็มีกฎหมายในการคุ้มครองในสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกความคิดเห็นของผมอยู่แล้วคดีนี้

คุณเข้ามารับทำคดีที่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องที่คนสนใจเยอะเป็นคดีอาญา มันมีเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คนในสังคมสงสัยว่ามันมีความโปร่งใสอย่างไร โดยส่วนใหญ่ผมให้ข้อมูลกับสื่อ ผมจะตั้งข้อสงสัยเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

และในครั้งนี้ล่าสุดผมเห็นว่าคุณหญิงหมอพรทิพย์ออกมาพยายามที่จะแสดงความคิดเห็น อยากให้มีการปฏิรูปการทำงานของตำรวจ ทนายบางคนเขาก็เอาไปคิดเป็นเรื่องส่วนตัว แล้วก็เอามากล่าวหาคุณหญิงหมอว่าเป็นหมอดูหมอเดา

ผมว่ามันเป็นการไม่ให้เกียรติ แล้วโดยส่วนตัวผมเองก็รู้จักกับคุณหญิงหมอพรทิพย์ ผมก็รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทน ทีนี้ที่ผมพูดไปไม่ได้มีการเอ่ยชื่อของทนายเขาโดยตรง แต่ก็มีการใช้คำว่าทนายจุ๊กกรู้ว สิ่งที่ผมโพสต์ไปทั้งหมดแล้วทำให้เขารู้สึกเสื่อมเสียก็อาจจะร้อนตัวไปเอง

เพราะว่าผมไม่ได้มีเจตนาที่จะมีปัญหาระหว่างบุคคลกับเขา ผมวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน ผมวิพากษ์วิจารณ์ด้านข้อสงสัย แล้วผมก็รู้สึกว่าการที่คนคนหนึ่งออกมาต่อว่าผู้มีคุณูปการของประเทศมันเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ผมก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปสร้างความเสื่อมเสียอะไรให้กับใคร เพียงแต่ว่าผมแค่อยากจะให้มันมีความถูกต้อง แล้วผมก็วิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต

ทางฝั่งนั้นไม่พอใจที่มีการใช้คำว่า ทนายขยะเปียก ?

ถ้าเกิดว่าทนายขยะมันจะไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาทโดยการโฆษณามันอาจจะเป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้ามากกว่าซึ่งมันจะมีลักษณะเฉพาะแบบของมันคือต้องเป็นการพูดต่อหน้าอยู่ในระยะที่ทำร้ายร่างกายกันได้ เจตนาของการบัญญัติกฎหมายข้อนี้ขึ้นมาคือไม่ต้องการให้คนด่ากันด้วยคำหยาบคาย

เช่น xีเปรต xีชั่ว xีนรกต่อหน้าเพราะเขากลัวคนจะชกต่อยกันแต่อันนี้ผมมีการพูดผ่านสื่อแต่มันก็จะเป็นความผิดฐานดูหมิ่นไม่ใช่ดูหมิ่นซึ่งหน้าด้วย ซึ่งความผิดมันเล็กน้อยแล้วก็ถ้าเกิดผมผิดจริงผมก็ยอมรับ แต่ว่าส่วนอื่นๆ โดยข้อความอื่นๆ

แล้วผมเองวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน วิพากษ์วิจารณ์ประเด็นสังคมโดยสุจริตใจ ถ้าเกิดมันมีคำอะไรที่มันรุนแรงแล้วมันไปกระทบกระเทือนเขาก็เป็นเรื่องของเขาก็สามารถแจ้งความได้โดยที่ผมก็ไม่ได้กลัวอะไร แล้วก็ไม่ได้กลัวที่จะต้องไปนอนคุกด้วย ผมว่ากฎหมายเมืองไทยและศาลศักดิ์สิทธิ์ยุติธรรมท่านมีดุลยพินิจมากพอที่จะรู้ว่าตัวเขาไม่ได้มีความสำคัญอะไรเพียงพอที่จะต้องเอาคนที่ไปพูดจากระทบเขาแล้วจะต้องติดคุก เขาไม่ได้มีค่าขนาดนั้น