โฆษก ศบค. ชี้แจงเหตุผลเปิดห้างสรรพสินค้าได้ แต่ไม่เปิดโรงเรียน

ข่าวทั่วไป

ในช่วงสถานการณ์โควิด-19แพร่ระบาด ทำให้ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศต้องปิดตัวลงไปอย่างพวก ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่างๆ รวมไปจนถึงโรงเรียน โดยก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลก็ได้ออกมาตรการใหม่ให้ห้างสรรพค้าต่างๆเปิดได้แล้วแต่ก็ยังคงจำกัดประชาชนเข้าออกห้างอยู่เพื่อความปลอดภัย แต่ในส่วนของโรงเรียนนั้นเลื่อนเปิดเทอมเป็นวันที่ 1 ก.ค. 63 เพราะกลัวเด็กจะเสี่ยงติดเชื้อไวรัสดังกล่าว

ล่าสุด โฆษก ศบค.ชี้แจงเหตุผลเปิดห้างสรรพสินค้า แต่ไม่เปิดโรงเรียน ย้ำการเรียนเกิดขึ้นได้ทุกจุด การพัฒนาการของเด็กก็เกิดขึ้นได้ทุกที่ วันที่ 21 พ.ค.2563 จากกรณีที่มีการเปรียบเทียบระหว่างการเปิดให้บริการห้างสรรพสินค้า ขณะที่สถานศึกษายังไม่สามารถเปิดได้ตามปกตินพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. อธิบายว่า

สถานศึกษาและห้างสรรพสินค้ามีความแตกต่างกัน โดยห้างสรรพสินค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีกิจการหรือกิจกรรมที่มีมาตรการต่าง ๆ ในการดูแลแนะนำเพื่อความปลอดภัยแก่ผู้เข้าใช้บริการ รวมถึงมีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ขณะที่การศึกษาก็มีความสำคัญเช่นเดียวกันแต่มีความต่างกันที่กลุ่มของเด็กนักเรียน

ซึ่งเป็นกลุ่มที่เปราะบาง มีความเสี่ยง โดยตามลักษณะของเด็กที่ชอบเล่น สัมผัสกัน รวมทั้งโรคประจำตัวที่อาจจะทำให้ได้รับเชื้อต่างๆ ได้โดยง่าย ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวที่เป็นช่วงหน้าฝน เกิดการเปลี่ยนของฤดูกาลอาจจะทำให้เกิดไข้หวัดได้ และซึ่งหากเด็กมีการสัมผัสกันทำให้ได้รับเชื้อต่าง ๆ

อาจมีความเสี่ยงนำไปติดผู้สูงอายุที่บ้านทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้ ฉะนั้นมาตรการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมานั้น นักวิชาการได้ทำการศึกษากันมาอย่างดี รวมถึงชุดข้อมูลจากต่างประเทศที่เกิดขึ้นจากการศึกษาทั้งหมดดังนั้น จุดที่มีความเสี่ยงจะต้องชะลอการเปิด เมื่อมั่นใจก็สามารถเปิดได้ ทั้งนี้ การเรียนต่าง ๆ

สามารถเกิดขึ้นได้ทุกจุด รวมถึงพัฒนาการของเด็กที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ถึงแม้ว่าจะมีความติดขัดในเรื่องของผู้ปกครองที่ต้องดูแล แต่ขณะนี้มาตรการต่าง ๆ กำลังเริ่มผ่อนคลายและหาทางกลับเข้าสู่วิถีชีวิตใหม่รวมถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งเราทุกคนต้องยอมรับ ปรับตัว เพื่อความปลอดภัยและปลอดโรคขณะเดียวกันการปฏิบัติงานที่บ้าน (Work From Home)

ยังคงเป็นมติของคณะรัฐมนตรี โดยจากการประชุม ศบค. ที่ผ่านมา ผอ. ศบค. ยังยืนยันว่าการปฏิบัติงานที่บ้าน (Work From Home) เป็นหนึ่งในมาตรการที่จะต้องปฏิบัติให้ได้อย่างน้อย 50% ขึ้นไป เพื่อไม่ให้เกิดความแออัดในสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งการเหลื่อมเวลาปฏิบัติงานที่จะต้องมีหลายช่วงเวลา ยืนยันมาตรการดังกล่าวมีความจำเป็นอย่างมาก

ขอความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน ให้ปฏิบัติต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะมาตรการดังกล่าวเป็นชีวิตวิถีใหม่ที่ต้องอยู่กับเราไปอีกนานการร่วมมือของทุกคนจะทำให้เรามีชีวิตวิถีใหม่ที่มีความสุขได้ด้วยกัน ขณะเดียวกันการ์ดอย่าตก พร้อมแนะวิธีสวมใส่หน้ากากที่ถูกต้องให้ครอบคลุมทั้งจมูกและปาก โดยไม่ควรปรับลงมาไว้ใต้คางซึ่งล้วนไม่ปลอดภัยทั้งสิ้น ”

ขอบคุณข้อมูล : Workpoint News