ไอซ์ ลูกสาวน้าค่อม ร่ำไห้ เคลียร์ดราม่าสูญเสียพ่อ ลั่นจะไม่ยอมเสียแม่อีกคน

บันเทิง

ก่อนหน้านี้ ไอซ์ ณพัชรินทร์ ลูกสาวคนโตของนักแสดงตลกชื่อดังอย่าง น้าค่อม ชวนชื่น ก็ได้ควงคู่สามีหนุ่มหล่อ แบงค์ อธิกิตติ์ ไปเปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียคุณพ่อผ่านรายการ คุยแซ่บโชว์ เคลียร์ทุกปมดราม่า โดย ไอซ์ เผยถึงสภาพจิตใจในตอนนี้ด้วยเสียงสั่นเครือว่าก็ยังคิดถึงคุณพ่ออยู่ทุกวันแต่ ไอซ์ ก็เข้มแข็งมากไม่ใช่แค่เข้มแข็งเพื่อแม่อย่างเดียว แต่มีทั้งลูกและน้องด้วย

ทั้งคู่ย้อนไทม์ไลน์วันแรกที่รู้ว่า พ่อค่อม ติดโควิดคือวันที่ 12 เมษา ตอนนั้นไอซ์กับแบงค์อยู่คนละบ้านกับคุณพ่อวันที่รถโรงพยาบาลมารับเขาก็ยังดูปกติ หลังจากเข้าโรงพยาบาล ก็ไม่ได้เจอคุณพ่ออีก ปกติคุณพ่อไม่เล่นโซเชียลแต่สามารถคุยเฟสไทม์ได้ก็ได้คุยอัปเดตกัน หลังจากที่เข้าโรงพยาบาลตอนนั้นห่วงคุณพ่อ เพราะมีโรคประจำตัวด้วยแต่ไม่คิดว่าอาการจะร้ายแรงขนาดนี้เพราะเราโทรอยู่ตลอด

เป็นห่วงแค่ปอดก็ยังมีความหวังว่าคุณพ่อจะหายเพราะคุณพ่อไม่ได้สูบบุหรี่แต่พอเกิดเหตุการณ์หลังจากนั้นว่าปอดคุณพ่อมีปัญหาเราก็ทำอะไรไม่ถูก วันสุดท้ายที่มีโอกาสได้เจอกันคือวันที่ไปตรวจโควิดกัน วันที่ 11 เมษายน ผลออก 12 เมษายน และรถโรงพยาบาลรับวันที่ 13 แบงค์และไอซ์ เล่าถึงตอนต้องย้ายโรงพยาบาลเพื่อเคลียร์ดราม่าว่าทำไมต้องย้าย

เหตุผลคือเนื่องจากอาการของ พ่อค่อม มีฝ้าที่ปอดหนาที่ต้องย้ายโรงพยาบาลเป็นเรื่องของเครื่องมือ โดยเล่าว่าแต่ละโรงพยาบาลที่ไปหา เป็นโรงพยาบาลขั้นปฐมภูมิที่มีเครื่องมือประมาณหนึ่ง แต่พอต้องทำการรักษาขั้นต่อไปอาจจะไม่มีเครื่องมือบางรายการที่ต้องทำการรักษาในขั้นทุติยภูมิ จึงต้องทำการย้ายไปที่โรงพยาบาลที่มีเครื่องมือนั้นๆจะเป็นการส่งต่อโรงพยาบาลกันไป

และคุณพ่อจะต้องฟอกไตจึงต้องทำการย้ายโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือ ตอนแรกเราก็งงกันอยู่ว่าทำไมต้องย้ายและพอย้ายโรงพยาบาลไปโรงพยาบาลที่ 2 ก็ต้องเข้าไอซียูเลย หลังจากนั้นผลโควิดของคุณแม่เอ๋ ก็ออกมาว่าต่อเชื้อ ก็ยอมรับว่าใจคอไม่ค่อยดีหลังจากทราบว่าคุณพ่อต้องนอนคว่ำและต้องสอดท่อช่วยหายใจรอลุ้นโทรศัพท์จากคุณหมอว่าอาการคุณพ่อจะดีขึ้นไหม

ซึ่งที่ได้รับสายคือมีแต่อาการยังทรงตัวทุกๆวันและมีวันหนึ่งก้ได้ยินคำพูดสะเทือนใจจากคุณพ่อเราก็บอกพ่อว่า พ่อสู้ๆนะ พ่อบอก พ่อไม่ไหวแล้ว พ่อไม่ไหวแล้วจริงๆ พอย้ายที่โรงพยาบาลที่ 3 คุณพ่อไม่รู้สึกตัวแล้วเพราะด้วยยา ที่ต้องทำการรักษาซึ่งพอย้ายมาอวัยวะภายใน ปอด ไต ตับ ก็เริ่มแย่จนคุณหมอลงความเห็นว่าใช้เครื่องเอ็กซ์โม่ก็ไม่ช่วยแล้ว

อาการหนักแทบเข่าทรุดคือ จะปั๊มหรือไม่ปั๊ม ทำเอาตื้อไปหมด แต่สุดท้ายทุกคนก็ปนึกษากันว่า ไม่ปั๊มดีกว่าเพราะคุณหมอจะบอกว่าคุณหมอไม่การันตีเลยว่าปั๊มแล้วจะฟื้นเขาให้เหตุผลว่าให้คนไข้ไม่ต้องทรมานในวาระสุดท้ายดีกว่า ส่วนคุณแม่ก็มีการโทรคุยกันว่าจะทำยังไงดี คุณแม่ก็เคารพการตัดสินใจของทุกคนแต่ยังไม่ได้บอกเรื่องปั๊มหัวใจ

เพราะห่วงอาการของคุณแม่หลังติดเชื้อโควิด และตรวจพบโรคเบาหวานด้วย จึงเลือกที่จะบอกบางเรื่องไม่อยากให้เขาทุกข์ ยอมรับว่าระหว่างที่คุณแม่คุณแม่รักษาตัวนอนไม่หลับเลยนับเป็นช่วงเวลาที่บีบหัวใจที่สุดในชีวิต หลังจากที่โรงพยาบาลโทรมาช่วงตั 4 บอกว่า คุณพ่อจากไปแล้ว พิธีศพก็ต้องรีบจัดการให้เสร็จเป็นช่วงเวลาที่บีบหัวใจมากๆ

ขอบคุณข้อมูล: รายการคุยแซ่บโชว์