จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่งานนี้ทำให้หลายๆคนเดือดร้อนไปกันหมด จนทำให้มีคนตกงานเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว ซึ่งทางรัฐบาลก็ได้เตรียมแก้ไขปัญหานี้กันอย่างเร่งด่วน และเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 63 นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห้งประเทศไทย
กล่าวในงานสัมมนาออนไลน์ ร่วมฝ่าวิกฤตโควิด-19 ด้วยวิธีธุรกิจแบบใหม่ ว่าที่ผ่านมาโควิด-19 ถือว่ามีผลกระทบเป็นวงกว้างต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจ โดยทางธนาคารพัฒนาเอเซีย หรือ ADB ได้ออกมาคาดการณ์ว่าผลกระทบต้อเศรษฐกิจโลิกจากโควิด-19
จะคิดเป็นวงเงินประมาณ 5.8-6.8 ล้านล้านเหรียญ และทำให้การขยายตัวของจีดีพีโลกติดลบประมาณร้อยละ 6.4-9.7 ขณะที่ผลกระทบต่อประเทศไทยที่ผ่านมา มีคนตกงานแล้ว 7 ล้านคน และหากสถานการณ์ยังยาวนานกว่านี้คนจะตกงาน 10 ล้านคน
แต่การผ่อนคลายมาตรการจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แม้จะมีวิกฤตก็ยังมีโอกาส พร้อมมองว่าปัญหาโควิด-19 จะยังอยู่ไปอีก 1 ปี ดังนั้นภาคธุรกิจต้องปรับตัวสู้รูปแบบใหม่ตามวิถี New Normal ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางหอการค้าได้สนับสนุนข้อมูลภาครัฐและการประเมิน
ในการเปิดภาคธุรกิจ และมาตรการต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจเดินให้ไปได้บนความเหมาะสม ด้านนายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถานบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ กล่าวในงานสัมมนาออนไลน์ ร่วมฝ่าวิกฤตโควิด-19 ด้วยวิถีธุรกิจแบบใหม่
ว่า ทุกภาคส่วนคงต้องปรับตัวจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการใช้รูปแบบเวิร์กฟอร์มโฮม ที่จะช่วยสร้างระยะห่างทางสัมคมและลดการกระจายของโรค รวมทั้งที่ผ่านมาทาง ทีดีอาร์ไอ ได้ประเมินการทำงานแบบเวิร์กฟอร์มโฮม
ยังช่วยประหยัดรายได้ให้กับองค์กรได้กว่าเดือนละ 2 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มองว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจคงใช้ระยะเวลารักษา 1 ปี และใช้เวลา 3 ปีในการกลับฟื้นตัวสู้สภาวะปกติ ยังไงก็ขอให้ทุกคนสู้ๆนะคะเราเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่าย
ขอบคุณข้อมูล : สำนักข่าว INN