จากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดในประเทศไทยทำให้กระทรวงศึกษาธิการประกาศเลื่อนวันเปิดภาคเรียน ไปเป็นวันที่ 1 ก.ค. 63 แทน ซึ่งก็เหลือเวลาเพียงไม่อีกวันเท่านั้นที่เด็กๆจะต้องไปโรงเรียนกันแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าเชื้อไวรัสดังกล่าวมันจะกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งไหม ถ้าเป็นอย่างนั้นอาจจะสั่งเปิดเรียนอีกครั้ง
ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เผยว่า “นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงมาตรการเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รวบรวมข้อมูลโรงเรียนที่มีความพร้อมสามารถจัดการเรียนการสอนในรูปแบบที่นักเรียนมาเรียนได้ 100%
โดยไม่ต้องใช้มาตรการสลับวันมาเรียน จำนวน 21,000 แห่ง ส่วนที่เหลือจำนวน 5,000 แห่งเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ที่ต้องใช้มาตรการสลับวันมาเรียนและผสมผสานการเรียนผ่านระบบโทรทัศน์ดิจิทัลและระบบออนไลน์ โดยแบ่งเป็นกลุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่และโรงเรียนประถมศึกษาขนาดใหญ่
เมื่อเปิดภาคเรียนแล้วโรงเรียนทุกแห่ง จะต้องดำเนินการมาตรการคัดกรอบของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดไข้นักเรียนก่อนเข้าเรียน การจัดมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม สวมใส่หน้ากากอนามัยและมีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือทุกจุดภายในสถานศึกษา
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อไปว่า ส่วนโรงเรียนพักนอนของ สพฐ.ไม่มีความกังวล เช่น โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย โรงเรียนการศึกษาพิเศษเฉพาะเด็กความพิการ เนื่องจากโรงเรียนเหล่านี้มีมาตรฐานในการคัดกรองอย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้โรงเรียนในพื้นที่ที่ติดชายแดนอย่างภาคใต้และภาคเหนือที่มีเด็กไทยต้องเดินทางไปเยี่ยมผู้ปกครองทำงานอยู่ประเทศเพื่อนบ้านระหว่างปิดภาคเรียนนั้น
สพฐ.มีมาตรการว่าสำหรับนักเรียนไทยสามารถเดินทางข้ามชายแดนระหว่างประเทศไทยได้แต่ต้องถูกกักตัว 14 วัน ซึ่งถือเป็นการดำเนินการตามมาตรการของรัฐบาลอยู่แล้วหากเปิดภาคเรียนแล้วพบนักเรียนมีไข้สูง โรงเรียนจะต้องส่งต่อนักเรียนให้กับโรงพยาบาลทันที
โดยจะห้ามไม่มีการนอนพักในห้องพยาบาลของโรงเรียนอย่างเด็ดขาด รวมถึงเมื่อเปิดภาคเรียนไปสักระยะหนึ่งพบนักเรียนตรวจเจอโควิด-19 จะต้องมีการปิดโรงเรียนทันที พร้อมกับทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อ สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ ”
ขอบคุณข้อมูล : บัตรสวัสดิการเเห่งรัฐ