เรียกได้ว่าใครหลายๆ คนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตาและรู้จักเจ้าตัวเป็นอย่างดี สำหรับ หลวงไก่ อาร์สยาม โดยเจ้าตัวเล่นดนตรีมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้น ม.1 โดยเริ่มจากการเป็นนักร้องนำของโรงเรียน พอขึ้นชั้น ม.3 ก็เริ่มเล่นคีย์บอร์ด พอมาเรียนที่เทคนิคตรัง ก็ไปเล่นดนตรีตามร้านอาหาร เนื่องจากฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี ก็เลยยึดอาชีพร้องเพลงเล่นดนตรีเพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียน ช่วงนั้นเขาเป็นมือกลอง
เวลาเล่นก็ตีกลองร้องเพลงไปด้วย เขาเล่นดนตรีอยู่ที่จังหวัดตรังประมาณ 3 ปี ก็เริ่มออกไปเล่นต่างจังหวัด เริ่มที่เกาะสมุย นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ฯลฯ เขาไปเล่นเกือบทุกผับทั่วภาคใต้ เพราะคิดว่าต้องการหาเงินก่อน แล้วค่อยเรียนที่หลัง ก็เลยทำให้เรียน ปวส.ได้แค่ปีเดียว ก็หยุดไป
ในปี พ.ศ. 2540 เอกชัย ศรีวิชัยได้ตั้งวงดนตรีศรีวิชัย เขาก็ได้มาตีกลองให้กับวง ซึ่งเอกชัยและครอบครัวก็รักและดูแลเขาเป็นอย่างดี เอกชัยก็เลยผูกแขนรับเขาเป็นน้องบุญธรรม และไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เลยได้คลุกคลีกับวงการเพลง ได้เห็นเบื้องหน้าเบื้องหลังการทำงาน
ช่วงนั้นเขาได้ร้องเพลงช่วงโหมโรงเรียกคนดูเข้าชม โดยเขาร้องเพลงแนวเพื่อชีวิตและสตริง ขณะที่วงของเอกชัยเป็นลูกทุ่ง แต่ก็ปรากฏว่าเขาเรียกผุ้ชมกลุ่มวัยรุ่นเข้ามาดูได้มาก เอกชัยก็เลยให้ร้องสตริงมาตลอด ทั้งเพื่อดึงคนดูกลุ่มวัยรุ่น และให้วัยรุ่นได้รู้จักกับศิลปวัฒนธรรมแบบปักษ์ใต้ ไก่มัน
ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2547 หลวงไก่ ได้เซ็นสัญญากับค่ายใหม่อาร์สยาม ในสังกัดอาร์เอส หลังจากที่ค่ายเดิมปิดตัวลง ได้ย้ายเข้าอาร์สยาม และออกอัลบั้มเดี่ยวทั้งหมด 8 อัลบั้ม ก่อนที่จะหมดสัญญาลง เมื่อปี พ.ศ. 2563 หลังจากนั้นเจ้าตัวจึงมาเป็นอิสระ
ปัจจุบันนี้เจ้าตัวได้หันไปหยิบจับ และเต็มที่กับการทำธุรกิจ และกิจกรรมต่างๆ อย่างจริงๆ จังๆ โดยหลวงไก่ เผยว่า ผมเป็นคนชอบคิดชอบทำธุรกิจครับ เคยทำตั้งแต่ขายปุ๋ย ปลากระป๋อง ต้นพันธุ์กาแฟ
จนมาถึงล่าสุดขายตามชื่อตัวเองเลย หลวงไก่ ไก่ย่าง ไก่ย่างสูตรสมุนไพร มัน้ำหนักไก่ และน้ำจิ้มที่เป็นสูตรเฉพาะของผมเลยครับ ปกติผมก็มีธุรกิจเสริมนอกเหนือจากการร้องเพลงมาตลอดอยู่แล้ว
ที่ผ่านมาก็มีทั้งร้านอาหารใต้ แล้วก็หันมาทำปลาป๋องยี่ห้อ หลวงไก่ แต่มีปัญหาเรื่องการผลิตเลยหยุดไป แต่สำหรับผมแล้วไม่เคยหยุดคิด หยุดทำ เพราะสมัยนี้ดารา นักร้อง
หลายคนก็หันมาทำธุรกิจกันเยอะมาก เราจะหวังแต่เงินจากการโชว์ตัว การเล่นคอนเสิร์ตอย่างเดียวคงไม่ได้แล้ว วงการบันเทิง วงการเพลง มีเด็กใหม่เกิดขึ้นทุกวัน และชีวิตคนเราก็ไม่มีอะไรแน่นอน