ต้องบอกเลยว่าช่วงนี้สถานการณ์บ้านเมืองเรามีเรื่องราวที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดทีเดียว ทั้งในสภาและนอกสภา ที่น่าจับตามองมากที่สุดก็กรณีที่นักเรียนนักศึกษาได้ออกมาแสดงพลังเรียกร้องประชาธิปไตย กับข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1.ต้องประกาศยุบสภา 2.หยุดคุกคามประชาชน 3.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่
ล่าสุด ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมของ กมธ. ชุดดังกล่าว ซึ่งเป็นการพิจารณานัดสุดท้าย โดยเป็นการตรวจสอบรับรองรายงาน ก่อนนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคมนี้ และจะยื่นรายงานต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
![](http://www.setup999.com/wp-content/uploads/2020/08/Screenshot_44-1.jpg)
ปิยบุตร กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมองว่า 1. ต้องมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยไม่ต้องจำกัดว่าห้ามแก้หมวดใดหมวดหนึ่ง ให้ทำใหม่ทั้งฉบับ ภายใต้กรอบการเป็นรัฐเดี่ยว เป็นราชอาณาจักรตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2. ระหว่างทางที่รอการพิจารณาในสภาฯ ว่าจะได้ สสร. เมื่อไหร่ เราสามารถเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม มาตรา 269-272 บทเฉพาะกาล ส.ว. ซึ่งเป็นการปิดสวิตช์ ส.ว. รวมถึงญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม ยกเลิกมาตรา 279 ที่รับรองประกาศ การกระทำของ คสช. ให้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
“เหตุที่ต้องเสนอคู่ขนานนั้น เพราะว่ากว่าจะมี สสร. กว่าจะแก้ไขกันจนมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา อาจใช้เวลาถึง 1-2 ปี ซึ่งระหว่างนี้หากเกิดอุบัติเหตุการเมือง เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา การยุบสภานั้นจะไม่เกิดความหมายอะไรเลยถ้ายังมี 250 ส.ว. ที่ยังมีอำนาจร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยอยู่ ดังนั้น จึงได้เสนอให้มีการ #ปิดสวิตช์สว ไปก่อน
และหากยังประสงค์จะให้มี ส.ว. อีก ก็ให้กลับไปสรรหามาตามช่องทางปกติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 107 กำหนด ซึ่งถ้าปิดสวิตช์ ส.ว. ตรงนี้ได้ หากมียุบสภาเลือกตั้งใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ ชนะก็จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างสง่างาม ไม่มีคำครหาว่ามีเสียง ส.ว. ช่วย
![](http://www.setup999.com/wp-content/uploads/2020/08/Screenshot_42-3.jpg)
และวันนี้เราก็เริ่มเห็นว่า ส.ว. หลายคนก็มีปฏิกิริยาที่จะยอมยกเลิกอำนาจตัวเองตามมาตรา 272 บางคนก็ไปไกลยอมถึงขั้นให้ยกเลิก 250 ส.ว. ไปเลยทั้งหมด ทำให้สถานการณ์ชุมนุมผ่อนคลายลง ลองนึกสภาพว่าถ้าสิ่งที่พวกเขาเรียกร้อง ไม่ได้รับการตอบสนองแม้แต่เรื่องเดียวอาจยกระดับการชุมนุม เราคาดเดาไม่ออกว่าท้ายที่สุดจะออกมาเป็นแบบใด เรื่องใดที่พอจะผ่อนคลายสถานการณ์ลงได้ควรจะรีบทำ” ปิยบุตร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคเพื่อไทยมองว่าหนทางแบบพรรคก้าวไกลเป็นไปได้ยาก ที่ ส.ว. จะปิดสวิตช์ตัวเอง และแรงจากการชุมนุมอาจไม่สามารถกดดัน ส.ว. ได้ ปิยบุตร กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 จำเป็นต้องได้รับเสียงโหวต 1 ใน 3 จาก ส.ว. ไม่ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญเรื่องใดที่ไปกระทบประโยชน์ คสช. หรือ ส.ว. ย่อมแก้ยากทุกเรื่อง เชื่อว่าพี่น้องประชาชนหรือแม้กระทั่ง ส.ส. ต่างตระหนักในเรื่องนี้
เห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญยากมากหรืออาจเป็นไปไม่ได้ การจะแก้ได้หรือไม่ได้ อยู่ที่การกดดันนอกสภา และการกดดันนอกสภาที่พี่น้องประชาชน เยาวชน นิสิตนักศึกษาทำมาตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นเหตุผลหลักที่ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญถูกนำกลับมาพูดถึงอีกครั้ง ทำให้รัฐบาลยอมขยับ เชื่อว่าถ้านอกสภายังกดดันเรื่องให้ยกเลิก ส.ว. ก็เป็นไปได้ที่ ส.ว. จะยอมเปลี่ยนใจ
แต่ถ้าบอกว่ากำลังนอกสภายังไม่เพียงพอ หากปล่อยไปเรื่อยๆ ก็จะอ่อนแรงลง คราวนี้แม้แต่ สสร. ก็อาจจะไม่ได้ด้วย หรือแม้แต่การแก้ไขในสภาก็ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันฝ่ายผู้มีอำนาจจะยอม อาจจะให้ผ่านในวาระ 1 แต่อาจไปเบี้ยวในวาระ 3 ก็เป็นได้
![](http://www.setup999.com/wp-content/uploads/2020/08/Screenshot_45-1.jpg)
“ที่บางฝ่ายมองว่าการยกเลิก ส.ว. ช่วงนี้ยังไม่เหมาะสม ก็เคารพการประเมินของแต่ละบุคคล แต่ในส่วนตัวเห็นว่าการเมืองคือความเป็นไปได้ ต้องเสนอรูปแบบความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้ทดลอง ถ้าเราคิดจากกรอบเดิม เราก็จะบอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้แทบแก้ไขไม่ได้เลย แต่ถ้าเราคิดจากกรอบใหม่ว่าเป็นไปได้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะแก้ได้ ต้องมีการกดดัน เมื่อมีการกดดันขนานใหญ่แบบนี้แล้ว
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ต้องใช้โอกาสนี้ ในการผลักดันสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น ถ้าวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญยกเลิกวุฒิสภาบทเฉพาะกาล หรือ ยกเลิกมาตรา 272 ในท้ายที่สุดหากไม่ผ่านเพราะ ส.ว. ไม่ยอม ก็ไม่เสียหายอะไร อย่างน้อยก็ได้ทดลองทำ
อย่างน้อยนี่คือการตอบสนองข้อเรียกร้องของประชาชน นี่คือการเริ่มต้นจัดการจุดด่างดำที่สุดของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ส่วนตัว ส.ว. ที่ขัดขวางก็จะเสื่อมความชอบธรรมลงไปอีก แล้วการเสนอปิดสวิทช์ ส.ว. ก็ไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรต่อร่างแก้รัฐธรรมนูญให้มี สสร. เลย มันก็วิ่งกันคนละเลน คนละญัตติอยู่แล้ว ผมก็สงสัยทำไมไม่เสนอไปพร้อมกัน มันจะเสียหายทางการเมืองตรงไหน” ปิยบุตร ตอบ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าความเห็นที่ต่างกันระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยจนอาจเป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคฝ่ายค้านด้วยกันเองมองอย่างไร ปิยบุตร กล่าวว่า ในฐานะคนนอกที่มองเข้าไปเชื่อว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคมีอิสระต่อกัน มีความคิดแตกต่างกัน หากคิดเหมือนกันหมดคงเป็นพรรคเดียวกันไปแล้ว
![](http://www.setup999.com/wp-content/uploads/2020/08/Screenshot_47-2.jpg)
ในเมื่อเป็นคนละพรรคย่อมคิดแตกต่างกัน จึงได้มียุทธศาสตร์และยุทธวิธีการขับเคลื่อนแตกต่างกัน ที่ผ่านมาคิดว่าบุคคล-กรรมการบริหารพรรคไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรยังทำงานในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ “แต่สำหรับคนที่สนับสนุนบางคนอาจสนับสนุนเพื่อไทย บางคนสนับสนุนก้าวไกล หลายคนคิดว่านี่คือ ‘ฝ่ายประชาธิปไตย’ ด้วยกัน
ไม่ควรขัดแย้งกัน แต่ผมกลับมองว่านี่คือคนละพรรคการเมือง ก็อาจมีแนวทางการต่อสู้ทางการเมือง ต่อสู้เรื่องประชาธิปไตยที่แตกต่างกัน การถกเถียงกันระหว่างผู้สนับสนุนในโลกโซเชียลก็เป็นปกติตามแนวทางประชาธิปไตย เพราะคนละพรรค คนละแนวคิด คนละแนวทาง”
ขอบคุณข้อมูล : Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล