แอน อังคณา ขายสมบัติเก่ารักษาตัว

บันเทิง

เรียกได้ว่าใครหลายๆ คนคงจะรู้จักเจ้าตัวเป็นอย่างดี แอน อังคณา นางแบบ, นักแสดง และนักร้องมากความสามารถ โดยเจ้าตัวเริ่มเข้าสู่วงการเมื่ออายุ 18 ปีจากการเข้าประกวดเวทีการประกวด Miss Bachelor ของ Bachelor Club และได้คว้าตำแหน่งอันดับสอง จากนั้นจึงได้เซ็นสัญญาเป็นนางแบบในสังกัดของคลับหนึ่งปี และมีผลงานถ่ายแบบ เดินแบบ

รวมทั้งงานโฆษณาต่างๆ มากมาย ไม่ว่าเป็น โกดัก, ยาสระผมเฟลกซ์, รถซูซูกิ, ชุดว่ายน้ำไทรอัมพ์, เสื้อผ้า LTD รถยนต์ไดฮัทสุ มิร่า, เครื่องสำอางคาเนโบฯ และที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอที่สุด คือโฆษณาเนสกาแฟ เอ็กตร้า เชค ในช่วงฤดูร้อนปี พ.ศ. 2531

โดยออกมาในรูปแบบของ Shake Lady นับว่าเป็นต้นแบบสาวเชคเนสกาแฟคนแรกของประเทศไทย นอกจากนี้เธอยังมีรูปร่างที่ดีและสมส่วน และสามารถสวมใส่เสื้อผ้าได้หลากหลายรวมถึงชุดว่ายน้ำ จึงความโดดเด่นในการถ่ายแบบให้กับนิตยสารชั้นนำต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก

ต่อมาแอนได้มีผลงานเพลงโดยเป็นสมาชิกของวงมะลิลา บราซิลเลี่ยน ที่ออกเพลงสไตล์แรกเก้ สังกัดคีตา เรคคอร์ดส ร่วมกับ วิระ บำรุงศรี (แดง), ปาริกา เทพสุขดี (เปิ้ล), นึกคิด บุญทอง (หนึ่ง) และ อิศราคม เอื้อพงษ์พันธ์ (เอว) โดยมีอัลบั้มเพลงออกมาสามชุด เพลงที่เธอร้องเองและสร้างชื่อเสียง

คือ เพลง ฟองสบู่ และ อีกหน่อย นอกจากนี้มียังมีผลงานการแสดงทั้งจอเงินและจอแก้ว เธอเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากเรื่อง กะโหลกบางตายช้า กะโหลกหนาตายก่อน แต่ชีวิตในวงการบันเทิงของเธอไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด

เพราะเจ้าตัวนั้นมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ซึ่งสาเหตุมาจากเธอรักษารูปร่างด้วยการไม่ทานแป้งมานานกว่า 20 ปี ทำให้ขาดสารอาหาร จนต้องหายไปจากวงการบันเทิง “สภาพตอนนั้น หนักถึงขั้นเดินไม่ได้ ต้องคลานเข้าห้องน้ำ น้ำหนักลงมาเหลือแค่ 42 กิโล

ตอนนั้นเราปล่อยชีวิตตัวเองเลย รู้สึกเฟลแบบทุกอย่าง ไม่สนใจแล้ว ถ้าจะตายก็ตายไป ตอนนั้นคือไม่อยากออกไปไหนเลย ไม่คุยกับใคร อยู่แต่ในห้อง เป็นแบบนั้นอยู่ประมาณ 3 ปีได้ คือมันไม่อยากเจอใคร ไม่อยากเจอผู้คน ไม่อยากอะไรเลย

ตอนนั้นมีงานเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาหลายตัวมาก ก็โดนตัดออกหมดเลย ลงทุนทําอะไรก็เจ๊งหมดทุกอย่าง ช่วงแรกๆก็จะมีสมบัติไว้เยอะเพราะว่าก่อนหน้านี้เราทำงาน ก็เก็บสะสมไว้ พอช่วงที่เราตก เราก็เอาสมบัติพวกนี้ล่ะค่ะมาขายเพื่อนบ้างอะไรบ้าง

เพื่อที่จะแลกเป็นเงินมาใช้จ่าย เพราะเราเป็นหัวหน้าครอบครัวด้วยมีภาระเยอะ แต่หลังๆก็เริ่มทยอยใช้จนหมด จนเหลือติดตัวแค่ 20 บาทค่ะ แล้วที่บ้านก็โดนตัดน้ำ แต่โชคดีที่เรายังมีเพื่อนที่ดีหลายคนพอให้เราได้หยิบยืม ช่วยเหลือบ้าง ตอนนั้นก็คิดว่าถ้าเกิดวันนึงเราดีขึ้น แล้วเรามีเราก็จะใช้ให้

มีเพื่อนหลายคนค่ะที่ช่วยเหลือเรานะทุกวันนี้ก็ใช้หนี้หมดแล้วนะคะ ขาดสารอาหารอย่างแรง คือเราจะไม่ค่อยทานอะไร เป็นคนที่แบบทานข้าววันละมื้อเดียวอะไรแบบนี้ซึ่งปกติแล้วคนเรา เช้ามาก็จะขาดอาหารเช้าไม่ได้ เอาง่าย ๆ นมหรือไข่ก็ยังดี

แต่เราคือไม่ทานเลย แล้วเราเป็นคนที่ออกกำลังกาย แล้วดูแลตัวเองอย่างมาก แต่พอเราอายุมากขึ้นมันก็ต้องปรับเปลี่ยน แต่ทุกวันนี้กลับมาทานข้าวแล้วนะคะ ก็ต้องพยายามกินให้เยอะเพราะร่างกายอาจจะไม่ไหว เราก็ต้องดูแลตัวเองให้มากขึ้น

ถามว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะแก้ไขอะไรไหม คือตอนนั้นคิดว่า เราจะไปแล้ว อันนี้ที่ผ่านมาคือคิดว่าเราเริ่มต้นชีวิตใหม่ดีกว่า หลังจากนี้ก็จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้มันดีขึ้น ดูแลสุขภาพของตัวเองให้มันดีขึ้น เพื่อจะได้มาอยู่ตรงนี้อีกครั้ง”