ทนายอนันต์ชัย แจงแล้ว หลังโดนดราม่า ไม่รับทำคดีให้ ลุงพล ลั่นต้องทำตัวเป็นขอทาน

ข่าวทั่วไป

ลุงพล ไชย์พล วิภา กับ ป้าแต๋น สมพร หลาบโพธิ์ ผู้ต้องหาคดีการตายของ น้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่หมู่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทนายที่รับว่าความให้นั้นขอถอนตัวไม่ทำคดีให้กะทันหัน จึงทำให้ ลุงพล ป้าแต๋น ต้องหาทนายใหม่เพื่อมาสู่คดี หลังจากนั้นก็มีกระแสข่าวออกมาว่าทั้งสองคนได้มีการติดต่อไปหาทนายชื่อดังอักษรย่อ อ.

ในขณะเดียวกันก็ถูกโยงเป็น ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ออกมาแถลงข่าวไม่ทำคดีให้กับ ลุงพล สาเหตุเพราะไม่ให้ใจมาก่อน งานนี้ก็เกิดเป็นกระแสดราม่าตามมาล่าสุดทางทนายอนันต์ชัย ก็ได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กอีกครั้ง ระบุว่า ทำไมต้องทำตัวเป็นขอทาน ทำไมต้องคุกเข่าอ้อนวอนขอ ถึงจะเป็นการให้ใจทนายอนันต์ชัย ไชยเดช

จากการแถลงข่าวของผมเมื่อวันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม 2564 ที่ร้านอาหารนาทอง เกี่ยวกับกรณีที่ ผมจะรับเป็นทนายความของนายไชยพล วิภา และนางสาวสมพร หลาบโพธิ์ หรือลุงพล ป้าแต๋น หรือไม่ ? มีคำพูดของผมบางคำที่บางคนอาจไม่เข้าใจ ไม่สบายใจ และแอบนึกตำหนิในใจ บางคนก็ด่าผมเลยในเพจ ในยูทูป

คือคำว่า “ หากนายไชยพล จะมาหาผมต้องมาแบบขอทาน อ้อนวอนขอร้อง “ ผมไม่โกรธหรอกครับที่บุคคลเหล่านั้นจะตำหนิผม ผมจึงเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อให้นายไชยพล นางสมพร และท่านเหล่านั้นเข้าใจ จากแถลงข่าวดังกล่าว ผมได้ยกเอ๋ยชื่อครูบาอาจารย์ 6 ท่าน

ได้ยกตัวอย่างเรื่อง สามก๊ก ตอนที่เล่าปี่ไปหาขงเบ้ง เพื่อให้มาเป็นกุนซือในการรบ กว่าจะได้ขงเบ้งมาต้องไปหลายครั้ง ต้องคุกเข่าอ้อนวอนขอร้อง กลางหิมะ จนขงเบ้งยอมไปเป็นกุนซือให้เล่าปี่ เพราะเล่าปี่ให้ใจขงเบ้งก่อน

ตอนที่ผมจบกฎหมายจาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง รุ่น 10 ใหม่ๆ ผมไปขอร้องคุณลุงพา ไชยเดช ให้ช่วยฝากให้เป็นทนายความสำนักงานทนายความคำนวณ ชโลมปถัมถ์ ซึ่งเป็นลูกศิษย์คุณลุง ที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ ผมได้ไปทำงานอยู่ระยะหนึ่ง ก็ลาออกเพราะอยากจะไปเรียนเนติบัณฑิต ต่อมาเมื่อผมจบการศึกษาเนติบัณฑิต รุ่น 39 ปี 2529

หลังจากจบแล้ว ผมพยายามหาสำนักงานทนายความหลายแห่ง เพื่อขอทำงาน แต่ถูกปฏิเสธ ในตอนนั้นผมทำตัวเหมือนขอทาน ไม่มีเงิน ไม่มีงาน ลำบากมาก โชคยังดีผมรู้จักกับ เจ๊หม๋วย ซึ่งเป็นคนขายหนังสืออยู่ใต้ทุนเนติฯ (สนามหลวง) ปัจจุบันเจ๊หม๋วย ขายหนังสืออยู่ที่ศาลแพ่งตลิ่งชัน ฝากให้ผมทำงานกับพี่ทนายดนัย เหมวัตถกิจ ที่เซ็นหลุย ซอย 3

ต่อมาผมก็ลาออกและมาทำงานเป็นทนายกับพี่ทนายสันติภาพ อินทรพัฒน์, ทนายคล้อย พัศสุวรรณ, ทนายเรือตรีศุภผล อมรรัตน์ รน. ในขณะฝึกงานผมทำตัวเหมือนขอทาน อ้อนวอนขอ คือขอวิชาความรู้ ไม่เคยทำตัวอย่างเศรษฐีหรือราชา อดทนทุกอย่าง จนในที่สุดผมก็ได้เป็นทนายความมืออาชีพจนทุกวันนี้

การที่ผมพูดว่า “หากนายไชยพล อยากได้ผมเป็นทนายความต้องทำตัวเหมือนขอทาน อ้อนวอนขอร้องผม” เป็นปริศนาธรรมที่ผมจะสอนให้รู้ว่า ต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน อย่าทำตัวสูงส่ง ให้เกียรติคนอื่น และการที่ยกตัวอย่างเล่าปี่คุกเข่าขอร้องขงเบ้ง เพราะล่าปี่ให้ใจขงเบ้ง เมื่อเล่าปี่ให้ใจขงเบ้ง ขงเบ้งก็ให้ใจเล่าปี่ เล่าปี่จึงได้ขงเบ้งเป็นกุนซือ จกก๊ก

จึงยิ่งใหญ่ ผมไม่ใช่ ขงเบ้ง แต่ผมเป็นทนายที่นายไชยพล และนางสาวสมพร มาติดต่อขอให้ว่าความคดีน้องชมพู่ แค่ใจทำตัวเหมือนขอทาน แต่ไม่ใช่ขอทานจริง แค่เอ๋ยชื่อทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ก็ถือเป็นการคุกเข่า แต่ไม่ใช่คุกเข่าจริง

แค่นี้ถือเป็นการให้ใจผมแล้วครับ ผมไม่มีเจตนาดูถูกเหยียดหยามนายไชยพล และนางสมพร เลยครับ ผมจึงอยากจะให้ทุกท่านเข้าใจคำพูดของผมในวันแถลงข่าวครับ ผิดพลาดประการใดผมกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ขอบคุณข้อมูล : ทนาย อนันต์ชัย ไชยเดช