นพ.รังสฤษฎ์ โต้ฝ่ายค้าน ปมฉีดวัคซีนไขว้

ข่าวทั่วไป

จากสถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ตอนนี้มีวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19มาฉีดให้กับด่านหน้าและพี่น้องประชาชนทั่วไปโดยจะเห็นว่าเป็นการฉีดวัคซีนแบบไขว้ งานนี้ทำให้หลายๆคนหวั่นใจอาจจะเกิดผลข้างเคียงตามมาหรือเปล่า

ล่าสุด นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ หรือ หมอหม่อง อาจารย์แพทย์โรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ออกมาโพสต์ไม่เห็นด้วยโต้ฝ่ายค้านกรณีฉีดวัคซีนไขว้

ระบุว่า กรณีนโยบาย วัคซีนไขว้ ผมไม่เห็นด้วยกับการต่อว่า คนที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ ว่า เป็นคนโง่ รัฐบาลมองว่า หากจะออกนโยบายใหญ่เร่งด่วน โดยมานั่งรอหลักฐานงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ย่อมช้า ไม่ทันการ ถึงแม้ผมจะเชื่อว่า วิธีนี้ (วัคซีนไขว้) มีเหตุผล มีที่มาที่น่ารับฟังทางวิทยาศาสตร์

และ ผมสนับสนุนให้ประชาชนทุกคน รับวัคซีนที่รัฐบาลจัดหาให้โดยไม่รีรอ เพราะสถานการณ์มันวิกฤตเกินกว่าที่คิดไปเป็นอย่างอื่น (ข้อความนี้ ขีดเส้นใต้ 3 เส้น) อย่างไรก็ตามสิ่งที่ แพทย์ นักวิชาการหลายคนกังวลคือ เราได้ตัดสินใจ เดิมพันครั้งใหญ่ ด้วยงบประมาณหลายพันล้านและชีวิตของผู้คน ตลอดจนโอกาส ในการเปิดเศรษฐกิจของประเทศ

บนฐานข้อมูลที่มาจากผู้เชี่ยวชาญเพียงไม่คน และเป็นข้อมูลจากห้องปฏิบัติการ ดูระดับภูมิต้านทาน เป็น surrogate ของประสิทธิภาพวัคซีน มันไม่ใช่การศึกษา randomized control trial เพื่อดูประสิทธิภาพของ วิธีฉีดไขว้แบบนี้ เทียบกับวิธีปกติ เป็นแบบ phase 3 clinical study ในประชากร

ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติที่ ยา หรือวิธีการรักษาใหม่ (แม้จะเป็นยาเก่า) ทุกอันต้องผ่าน ก่อนนำมาใช้จริง เรา เดิมพันว่ามันจะดี จากหลักฐานเท่าที่มี โดยเฝ้ารอดู “real world effectiveness” แทนข้อมูล phase 3 หากเราสำเร็จ เราจะสร้างแนวทางใหม่ ที่นานาชาติ ต้องหันมามองชื่นชม และอาจพิจารณาทำตาม

แต่หากเราล้มเหลว แพ้การเดิมพันครั้งนี้ เราจะถูกทอดทิ้งอย่างโดดเดียว เพราะไม่มีใครคิดจะทำแบบเรา คนที่กังวลเรื่องนี้ ไม่น่าถูกประนามว่า เป็นคนโง่ นะครับ รัฐควรอธิบายเหตุผลหลักที่แท้จริง ที่เราไม่สามารถดำเนินการตามแผนเดิมที่จะให้ Astra Zeneca ปกติ 2 เข็ม เป็นวัคซีนหลักได้นั้น

ก็เพราะ โรงงานในไทย ที่เราหวังพึ่งพา ไม่อาจผลิตวัคซีนได้พอ ได้ทันตามเป้าหมาย อีกทั้งสัญญาที่เราทำไว้กับบริษัท AZ นั้น เราไม่อาจไปเร่งรัด เอาความใดๆกับเขาได้ ผมเองขอสงวนสิทธิ์ไม่ตอบโต้ ต่อว่า คนออกนโยบายนี้ว่า โง่ เพราะในสถานการณ์เร่งด่วนและทรัพยากรจำกัดแบบนี้

ผู้บริหารจำเป็นต้องหาทางออกที่คิดว่าดีที่สุด แต่ผมอาจเรียกว่า ความประมาท ผมเชื่อว่า หากรัฐบาล อธิบายตามเหตุผลตรงๆ น่าจะเป็นสร้างความเชื่อมั่นที่แท้จริงให้กับประชาชนได้มากกว่าครับ

ขอบคุณข้อมูล : Rungsrit Kanjanavanit