ตั๊ก เล่าเรื่องราวความรัก 20 ปีกับภรรยาสุดที่รัก ป๊อก ปิยธิดา

บันเทิง

ต้องบอกเลยเป็นอีกหนึ่งคู่รักรุ่นใหญ่ที่หวานกันไม่มีแผ่วเลยค่ะ สำหรับคู่ของ ตั๊ก นภัสกร และ ป๊อก ปิยธิดา ซึ่งทั้งคู่มักจะมีโมเมนต์หวานๆ มาให้คนโสดได่อิจฉาตลอด และล่าสุดตั๊กได้ออกมาเล่าถึงเรื่องราวความรัก 20 ปีกับป๊อกตั้งแต่เริ่มต้นจนแต่งงานและมาถึงปัจจุบันร้อมเผยสาเหตุที่ไม่อยากมีลูกทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ SHOW

ตัวเองคลั่งรักภรรยามั้ย?

“เราไม่ได้คลั่งครับ แต่เรารักเป็นประจำ คบกันตั้งแต่ก่อนแต่งงานทั้งหมด 20 ปี ก่อนแต่ง 10 ปี หลังแต่ง 10 ปี”

เจอกันยังไง?

“ด้วยเหตุบังเอิญ ผมไปกินข้าว ตอนนั้นเล่นละคนเวที ซ้อมเสร็จก็ไปกินข้าว ดึกแล้วเที่ยงคืน ตอนนั้นเจอไม่รู้ว่าเค้าเป็นดารา เราไม่ได้อยู่ในโลกสื่อมากนัก เค้าดัง ผมประเภทอยู่กับความมืดซ้อมละครเวทีเลิกดึกตื่นเช้าก็ไปซ้อม อีกชีวิตก็อยู่กับมัน”

ไม่รู้ว่าเป็นดารา ตอนเจอผู้หญิงคนนี้สวยมั้ย?

“ไม่รู้ใช้คำว่าอะไร ตอนเจอก็หือ มันเหมือนสตั๊นท์เข้าไปข้างใน ตอนนั้นมีพี่ปุ้ยเจ้าของร้าน ผมรู้จักกับพี่ปุ้ย ยังไม่ถึงขนาดชอบ แต่เค้าดูมีสเน่ห์”

ใครจีบใครก่อน?

“ไม่รู้สิมันเกิดจากการพูดคุยกันก่อน จากการมานั่งคุยทุกวัน กินข้าวด้วยกันทุกวัน รู้สึกว่าทำไมมันคุยกันได้ทุกเรื่อง”

จีบผู้หญิงสไตล์คุณตั๊กเป็นยังไง?

“ผมจีบไม่เป็น ผมไม่เข้าใจคำว่าจีบมันเป็นยังไง คุยกันแล้วทันก็ค่อยๆ ว่าเรารู้สึกอะไรต่อกันมั้ย เค้าบอกว่าก็รู้สึกเรานั่งคุยแล้วรู้สึกว่าเป็นการคุยที่อบอุ่น เรื่องนี้สนุก เรื่องนี้หัวเราะ บางทีมีปัญหาก็มาปรึกษากันช่วยแก้ปัญหาแบบง่ายๆ เราเล่นละครเวที เค้าเล่นพีเรียด ก็มาเล่าให้กันฟังว่าของใครเป็นยังไง”

ชอบตรงไหนมากที่สุดถึงได้มาเป็นแฟนกัน?

“อันดับแรกประทับใจคือรอยยิ้มที่มีสเน่ห์ เราไม่คิดว่าจะเลือกใครก็ได้ เราทำงานที่เราชอบโลกแคบของเราก็แฮปปี้แล้ว โลกคุณป๊อกเค้าเป็นดาราเป็นคนที่รู้จัก เราอยู่ง่ายๆ สนุกสนานในโลกของเราเองก็ไม่ได้คิดอะไรแค่นั้นแหละ ไม่คิดว่าทุกวันนี้จะเป็นแบบนี้”

เมื่อก่อนการคบกันยังไม่เปิดตัว เราใช้ชีวิตยังไงบ้าง?

“ไม่ได้ปิดบังอะไร ไม่ถึงขนาดแอบเพราะเราเจอกันตอนค่ำ ต่างคนต่างไปทำงานกลับมากินข้าวกัน เมื่อก่อนยังไม่มีสื่อมือถือถ่ายรูป ไม่มีโซเชียล”

ตัดสินใจเปิดตัวอย่างเป็นทางการนานมั้ย?

“ผมค่อยๆ ไป อยู่ที่ตัวผู้หญิงถ้าเค้าพร้อมไม่พร้อมอยู่ที่คุณเลย ผมไม่เคยเร่งรัดหรืออะไรทั้งสิ้น อยู่ที่เค้าพอใจ เค้าเปิดตัวเองครับ”

เปิดแล้วเจอปัญหาเลยตอนนั้นพี่ป๊อกดังมากเป็นนางเอก จนมีข่าวว่าเกาะพี่ป๊อกดัง?

“ไม่โกรธเข้าใจ เราก็กลับมามองตัวเอง กลางวันมีไปด้วยกันบ้าง เค้าไม่รู้จักเรา มีคนขอถ่ายรูปกับป๊อกเยอะมากเขาก็ขอความช่วยเหลือเราก็เข้าไปช่วย บางทีก็โดนด่าด้วย ผมก็ขอโทษให้น้องเค้าไปพักก่อน เหมือนเป็นผู้จัดการส่วนตัวไปเลย มีโดนไล่ด้วย”

เอาคำดูถูกมาพัฒนาตัวเอง?

“เคยได้ยินว่าคบกับป๊อกแล้วได้ขึ้นลิฟท์แล้วนะ ไม่ต้องขึ้นบันได ก็แรงอยู่ เราไม่ได้โกรธเค้า เรามานั่งดูตัวเองดีกว่าใช้สติปัญญาความสามารถตัวเองพิสูจน์ เราพัฒนาด้านการแสดงเป็นหลัก ต้องพยายามหลายอย่าง ค้นหาวิธีว่าเล่นละครเวทีกับละครทีวีปรับยังไง ดูจากคนอื่น เก็บประสบการณ์ เรียนเพิ่มเติม เราอยากพัฒนาเพื่อให้เค้า เราเติบโตมีศีกดิ์ศรีเพื่อเค้าได้”

คำขยะไม่เคยบอกพี่ป๊อกเลย?

“ถ้าบอกเค้ากังวล อีกอย่างการคบกันของคนถ้าไปทำให้อีกคนกังวล ผมว่ามันเป็นเรื่องของผู้ชาย ถูกสอนว่าต้องหนักแน่น เราจะเป็นเสาให้เค้าได้ต้องแน่นพอ ผมให้คุณพิงผมได้ เค้าก็ไม่เคยถามอาจจะเพิ่งรู้ตอนนี้”

เข้าสมาคมคนกลัวเมีย?

“เราไม่ได้กลัวเมีย เราให้เกียรติเมีย เรารักและเราก็ให้เกียรติด้วยความเคารพในสิทธิของเมีย ผมผ่านอะรมาด้วยกันกว่าจะแต่งงานเรื่องแค่นี้ทำไมให้กันไม่ได้”

เคยทะเลาะกันมั้ย?

“มีสิครับ คนเราอยู่ด้วยกันเหมือนลิ้นกับฟัน ก็ไม่ทะเลาะ อย่างเรื่องไหนที่เราต้องทำจริงๆ ก็ขอนะ เราไม่ทะเลาะเราทำง่ายๆ ก็ทำเลย”

เรื่องมอเตอร์ไซค์?

“บนท้องถนนรถมันติดมาก เราขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น แต่ไปดูแล้วซื้อ เพราะมันเดินทางง่าย เพราะเราเห็นว่าใช้ประโยชน์ได้แน่ เค้าไม่ให้ เค้าดูก่อนละกันจะขี่ไปไหน เค้าอยากให้คันเล็ก เราก็ไปดูคันใหญ่”

จะซื้อคันที่ 2 ภรรยาไม่ให้?

“อุบัติเหตุครับ รถชนนิ้วก้อยเท้าหัก ทุกวันนี้เมียไม่ว่า แต่พยายามอย่าใช้ ผมทำเบาะนั่งหลังให้เค้านั่งครั้งเดียวแล้วไม่นั่งอีกเลย แล้วบอกว่าห้ามใครซ้อนนะ ถ้าใครซ้อนไม่ขายนะทุบทิ้ง”

ความสวีท?

“ผมเป็นคนเฉยๆ คำว่าสวีทคืออะไร ภรรยาเราก็ต้องดูแล เซอร์ไพรส์ภรรยาไม่ชอบ เพราะถ้าเซอร์ไพรส์มาไม่ชอบทำไง ก็จะบอกตรงๆ เลย”

เงินอยู่ที่ใคร?

“เค้าสิครับ เราจัดตั้งบริษัทเป็นระบบแต่ให้เค้าหมดเลย”

มีคุกเข่าขอแต่งงาน?

“จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจขนาดนั้น วันที่เค้านั่งแต่งหน้าที่ห้องก็ทำแบบนั้นแหละครับ อยู่กัน 2 คน”

มีเวลาว่างชวนเที่ยวตลอด?

“ไม่ขนาดชวนเที่ยว อยากพาเค้าไปเที่ยว แต่งงานกันมา 20 ปี เคยไปเที่ยวต่างประเทศครั้งเดียวญี่ปุ่นตอนฮันนีมูนพอจะไปก็ถ่ายละครไม่ตรงกันสักที เลยถ้ามีเวลาจะพาเค้าไป ผมเลยใช้วิธีทำโปรเจคเอางานเป็นตัวตั้งแล้วพาเค้าไป ปีหน้ากะไปญี่ปุ่นอีกครั้ง เรากลับไปจุดเริ่มต้นของเรา”

มุมอ้อน?

“ผมไม่เข้าใจว่ายังไง ถ้าผมเหนื่อยหรือเค้าเหนื่อย เจอหน้ากันแล้วกอดเลย”

ไม่อยากมีลูก?

“ก่อนจะแต่งงานเคยคุยกันเรื่องนี้ เราไม่ซีเรียส ตอนก่อนแต่งถ้าเรามีแล้วเราทำงานไม่มีเวลาดู เรารู้สึกว่าเราไม่ได้รับผิดชอบเค้าเต็มที่ พอแต่งงานรู้สึกว่าไม่มีลูกก็ดีเหมือนกัน เพราะว่าเราอาจจะดูแลเค้าไม่เต็มที่ พอมาถึงปัจจุบันเรารู้สึกว่าเราพี่สาวเค้ามีลูก พี่สาวผมก็มีลูก เราให้สิ่งนี้กับลูกหลานเท่าที่เราให้ได้

ชีวิตเราตอนนี้เห็นว่าอยู่ยากการแข่งขันมันสูง การให้คนดีๆสักคนเกิดขึ้นในสังคมผมว่าเอาตรงนั้นดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นลูกใครก็แล้วแต่ช่วยกันทำให้เค้าเติบโตแล้วมันจะไปได้สวย บั้นปลายเราจะเห็นสิ่งรอบข้างที่หนึ่งคนเอฟเฟคกับทั้งโลกอ่ะ คนๆนึงสามารถเปลี่ยนชะตาทั้งโลกได้ อีกเรื่องนึงคือเค้าไม่ได้อยากให้ใครต้องมาดูแล”

เพราะอะไร?

“ทุกวันนี้เราทำงาน ถ้าเราบังคับให้ลูกต้องมาดูแลเราอีกมันแฟร์กับเค้าหรอ เราคิดเองนะครับในแของเรา ให้เค้ามีชีวิตของเค้าก่อน ให้เค้าทำหน้าที่ของเค้าให้เต็มที่ ไม่ใช่ว่าแบบโตขึ้นต้องเลี้ยงฉันนะ มันกดดันตั้งแต่แรก มันควรเกิดจากความคิดเค้าเอง ไม่ใช่ความคิดจากของเราไปบอกเค้าว่าต้องทำ”

ใครที่ไม่อยากมีลูกมากกว่ากัน?

“พอๆ กันแล้วครับตอนนี้ เมื่อก่อนเค้าคิดตอนนี้เริ่มไม่ใช่แล้ว”

ขอบคุณข้อมูล:Orange Mama