ติ๋ม ทีวีพูล แฉยับ ทิดสมปอง ประกาศตัดขาด

โซเชียล

ต้องบอกเลยว่านับตั้งแต่สึกมาก็เจอแต่กระแสดราม่าอย่างหนักมาโดยตลอด สำหรับ ทิดสมปอง นครไธสง หรือ อดีตพระมหาสมปอง จะขยันตัวทำอะไรจะไปไหนก็กลายเป็นที่พูดถึงเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว อย่างก่อนหน้านี้ที่เจ้าตัวได้ออกมาเผยว่ายุติการร่วมรายการของ ทีวีพูล เกิดดราม่าเดือด

ในขณะที่ทางด้านของ ติ๋ม ทีวีพูล ก็ได้ออกมาแถลงข่าวว่า ตัดขาดกับ สมปอง อย่างเป็นทางการ ซึ่งก่อนหน้านี้ตอนสึกใหม่ๆทางทีวีพูลไม่เคยไปทาบทามหรืออยากได้ตัวเขามาร่วมงานเลย ซึ่งส่วนตัวเห็นใจเขา เหมือนเห็นลูกนกหลงทางไม่มีที่อยู่

จึงรับมาอยู่ในบ้านและเป็นคนในครอบครัวเพราะรู้จักกันตอนอีกฝ่ายเป็นพระประกอบกับตอนนี้ตนเองมุ่งหน้าทางสายบุญและให้ลูกชายเข้ามาดูธุรกิจ บ้านเรามีห้องว่างเยอะ จึงให้เขาเข้ามาอยู่ด้วยช่วยรีโนเวทบ้าน

และห้องเล็กที่จะทำเป็นสำนักงานของเขา หมดเงินไปประมาณ 7 แสนบาทและตอนที่เขาสึกมาไม่มีแม้กระทั่งเสื้อผ้าจึงโทรไปหามาให้ 3 ถุงใหญ่ โดยเขาเลือกแต่เสื้อผ้าแบรนด์เนมอย่าง Lacoste ซึ่งเขาเลือกผ้าไปประมาณแสนกว่าบาท

ส่วนตัวคาดหวังว่าอยากให้ สมปอง เข้าเป็นมาเป็นเพื่อนแสวงบุญ แต่เมื่อเขามีความคิดอีกแบบ จึงอยากช่วยให้เขาเป็นนักพูดระดับประเทศ แต่อีกฝ่ายอยากเลือกเส้นทางนักร้องลูกทุ่งแทน

โดยระหว่างที่เข้ามาอยู่ในบ้าน มีคนสนิทพูดเตือนตลอดว่า ระวังถูกหลอก แต่ตนเองเห็นเขาเป็นเหมือนลูกคนหนึ่ง ทำงานกลับมาดึกๆ ก็ทำไข่เจียวให้กินเอง ถ้าปวดเมื่อย จะหาคนมานวดให้

สมปองเป็นคนมีความฝันเยอะ เป็นพวกทะเยอทะยานอยากรวยเร็วซึ่งเราจะเตือนเขาเหมือนการปลูกต้นไม้ ต้องปลูกตั้งแต่เมล็ดเล็กๆกว่าจะโตกว่าจะดูแลให้ต้นไม้ใหญ่โตได้ ซึ่งตัวสมปองไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจเลยเหมือนเป็นแค่เด็ก

ทั้งนี้ทาง สมปอง มาพร้อมกับปัญหาเยอะมากโดยเฉพาะเรื่องหนี้สินกว่า 10.9 ล้านบาทซึ่งตนเองเคยถามว่าเป็นพระทำไมมีหนี้เยอะแบบนี้โดยเขาบอกว่าเป็นหนี้จากการซื้อที่ดินกว่า 300 ไร่ทำสวนยางพาราและต้องดูแลครอบครัวมีค่าใช้จ่ายเดือนละแสนกว่าบาท

นอกจากนี้ สมปอง ยังเข้าไปพัวพันวงการเงินสีเทาติดหนี้นอกระบบอีกโดยต้องจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 3 แสนบาทด้วยความเป็นห่วงจึงพยายามช่วยเหลือด้วยการว่าจ้างเดือนละ 2.5 แสนบาทให้ทำรายการ 3 รายการ โดยลูกชายของตนเองช่วยกันวางแผนต่างๆ โดยคาดว่าสมปอง จะมีรายได้ปีละ 3 ล้านและจะชดใช้หนี้ได้ภายใน 1-2 ปี

เงินเป็นเรื่องใหญ่ของเขา เขาอยากได้อะไรเราจะให้คำแนะนำหรือหามาให้ไม่เว้นกระทั่งตู้เก็บไวน์ซึ่งไม่รู้ว่าเขาดื่มแล้วหรือไม่แต่จะพูดแนะนำยังไงเขาไม่ฟังอย่างเช่น เขาว่ายน้ำตอนเช้าเขาจะเปิดเพลงลูกทุ่งเสียงดังมากเพราะไม่อยากฟังเราแม้กระทั่งเมื่อวานเขาออกจากบ้านให้คนมาเก็บของก็ไม่มีการเดินเข้ามาบอกลาแม้คำเดียว

โดย ติ๋ม พูดทิ้งท้ายบอกว่าตอนนี้อโหสิกรรมให้ สมปอง แล้วซึ่งตนเองไม่อยากฟ้องร้องให้เป็นคดีความ แต่ถ้าอันไหนจำเป็นต้องฟ้องก็ต้องฟ้องร้องกันต่อไป เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปรอติดตาม