สสจ.นครศรีฯ แจงกรณีแพทย์หญิง พาญาติฉีดไฟเซอร์ ยันไม่ใช่วัคซีนทิ้งถังขยะ

ข่าวทั่วไป

กลายเป็นกระแสดราม่าเดือดในโลกโซเชียลหลังจากที่มีภาพหลุดของแพทย์หญิงคนหนึ่งได้พาแม่และพี่สาวไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์ของด่านหน้า ในขณะที่เจ้าตัวได้ออกมายืนยันว่าไม่ได้แย่งวัคซีนของด่านหน้า

เป็นเพียงวัคซีนก้นขวดที่ทิ้งถังขยะที่เอามาฉีดให้แม่ พี่สาว พร้อมกับบอกว่าไม่ลาออกจะขอทำหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนพ้นวิกฤตโควิด-19เพราะก่อนหน้านี้เธอได้ยื่นใบลาออกไปแล้ว แล้วก็เปลี่ยนใจ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา มีข่าวรายงานว่า นายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่

ประกอบด้วยรองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ฝ่ายนิติการ และส่วนงานที่เกี่ยวข้องในรูปของคณะกรรมการสอบสวนวินัย เข้าสอบสวนแพทย์หญิง

รวมทั้งผู้เกี่ยวข้อเสร็จสิ้นแล้วอยู่ในระหว่างการสรุปสำนวนและกำหนดแนวทางการดำเนินการทางวินัย ซึ่งจะเสนอให้ผู้ว่าฯ เป็นผู้พิจารณาตามขั้นตอนระเบียบของทางราชการ

ส่วนกรณีที่แพทย์หญิงอ้างว่าวัคซีนอยู่ในถังขยะนั้น ข้อเท็จจริงแล้วนั้นมีกระบวนการที่สำคัญคือได้จัดซื้อเข็มและหลอดเพื่อใช้วัคซีนให้ครบและประหยัด

ลดการสูญเสียในกระบวนการ โดยใช้เข็มที่มีพื้นที่ค้างของยาน้อยที่สุด เรียกว่า โลวเดดสเปชไซริงค์ แอนด์มิดเดิ้ล ทำให้ยาติดค้างในเข็มและในไซริงค์น้อยมาก

“หากติดค้างน้อยจะมีวัคซีนเหลืออยู่ในขวดมาก ดังนั้นวัคซีนไฟเซอร์ปกติจะได้ 6 โดส แต่เราได้ทำให้เพิ่มขึ้นได้เป็น 7 โดส การอ้างว่าโดสที่ 7 เป็นโดสที่ทิ้งนั้นไม่ใช่

แต่เป็นความตั้งใจอยู่แล้ว และเป็นไปในลักษณะเดียวกับแอสตราเซเนก้า ที่ปกตินั้นฉีดได้ 10 โดส แต่เราสามารถดึงฉีดได้ถึง 11 โดสเป็นปกติ”