สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19จึงทำให้มีวัคซีนมาฉีดให้กับด่านหน้าและพี่น้องประชาชนทุกคน ซึ่งหลายๆคนก็ได้รับวัคซีนไปแล้วถึง2 เข็ม หลังจากนั้นตรวจพบภูมิขึ้นสูง แต่บางคนก็พบว่าขึ้นน้อยมาก
ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 64 เพจ หมอแซนดี้มีเรื่องเ_า ได้ออกมาโชว์ผลตรวจภูมิหลังได้บูสเตอร์ไฟเซอร์เข็มที่ 3 ระบุว่า สวัสดีเช้าวันจันทร์ค่ะ 💐🌸💮🏵️🌹🌺🌻🌼 ส่งจดหมายมาให้อ่านเล่นๆค่ะ จดหมายถึง โจ ไบเดน เรื่อง ขอบพระคุณสำหรับภูมิคุ้มกันที่ท่านได้มอบให้ กราบเรียนท่านประธานาธิบดีโจ โบเดนที่เคารพ
ข้าพเจ้าขอรายงานผลการตรวจภูมิคุ้มกันของตัวข้าพเจ้าเองหลังได้รับการฉีดวัคซีน Pfizer ที่ท่านได้กรุณาส่งมอบมาให้บุคลากรด่านหน้าได้ฉีด… ผลการตรวจภูมิคุ้มกันของข้าพเจ้าก่อนได้รับวัคซีน ผลเลือดข้าพเจ้ามี %NT หรือเปอร์เซนต์การทำลายเชื้อโควิดอยู่ที่ 33.69% ซึ่งถือเป็นระยะเวลา 5 เดือนหลังฉีดวัคซีน Sinovac ครบ และหลังจากได้รับวัคซีน Pfizer เพียง 1 สัปดาห์ ได้ทำการตรวจ %NT ซ้ำ ค่าสูงถึง 97.83%
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าเคยได้ทำการตรวจภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีน Sinovac ครบ 2 เข็ม ที่ 2 สัปดาห์ได้ %NT 89.62% ซึ่งในตอนนั้นข้าพเจ้าก็ดีใจมากที่มีภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับที่สูง แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป ผลภูมิคุ้มกันของข้าพเจ้าก็ลดลง ร่วมกับมีการระบาดของโรคติดเชื้อโควิดที่สถานการณ์รุนแรง เพื่อนร่วมงานหลายคนของข้าพเจ้าค่อยๆทยอยติดเชื้อกันไป ทำให้ขาดคนทำงาน …
เพื่อนร่วมงานหลายคนของข้าพเจ้า ได้วัคซีนกระตุ้นเป็น Astrazeneca ซึ่งเมื่อมีการเจาะภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีนกระตุ้นไป ก็พบว่าภูมิคุ้มกันขึ้นสูงมากกว่า 90% แทบทั้งนั้น… ข้าพเจ้าต้องขอขอบพระคุณท่านประธานาธิบดี โจ ไบเดนเป็นอย่างมากที่กรุณาส่งวัคซีนมาช่วยชีวิตบุคลากรทางการแพทย์อีกหลายคน …
ข้าพเจ้าอยากเรียนท่านว่า เพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าคนหนึ่งเจาะภูมิคุ้มกันก่อนฉีดวัคซีน Pfizer %NT เหลือ 5% อุ๊ตะ!!! แค่เดินผ่านสะดุดล้มหน้าคนไข้โควิด ก็น่าจะติดโควิดแล้ว … แต่หลังจากฉีดวัคซีน Pfizer ของท่านได้ 1 สัปดาห์ภูมิคุ้มกันก็ขึ้นมาเป็น 97%
หากท่านนับถือพระพุทธศาสนา ข้าพเจ้าจะขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดลบันดาลให้ท่านจงพบแต่ความสุขความเจริญ สุขภาพแข็งแรง แคล้วคลาดปลอดภัยจากโควิด … แต่เมื่อพิจารณาจากความเป็นไปได้แล้วคิดว่าท่านคงนับถือศาสนาคริสต์ ก็ขออาราธนาให้พระเยซู จงคุ้มครองท่าน
ท่านได้ช่วยเหลือชีวิตบุคลากรด่านหน้าอย่างข้าพเจ้า ให้มีภูมิคุ้มกันและมีกำลังใจในการทำงานรักษาคนไข้ต่อไป ข้าพเจ้าบอกได้เลยว่าหลังจากเห็นภูมิคุ้มของตัวเอง “วันนี้ข้าพเจ้าฮึกเหิมมาก” 🔥🔥
หมายเหตุ :
1. ภูมิที่ข้าพเจ้าตรวจเรียกว่า %Neutralizing Antibody ซึ่งจะตรวจเป็นเปอร์เซนต์การทำลายเชื้อ ไม่ได้ตรวจเป็นหน่วยยูนิตของค่าแลป ซึ่งข้าพเจ้าได้ตรวจ เพราะข้าพเจ้าได้เข้าร่วมงานวิจัยต่อเนื่องตั้งแต่สมัยฉีดวัคซีนเมื่อต้นปี… เชื้อไวรัสที่นำมาตรวจเป็นไวรัสต้นแบบ ยังไม่ใช่สายพันธุ์เดลต้าที่ตรวจซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการเก็บข้อมูล…
แต่แค่นี้ ข้าพเจ้าก็ดีใจมากแล้วที่เพียงแค่สัปดาห์เดียวภูมิคุ้มกันขึ้นมาถึง 97% และสาเหตุที่อาจารย์ผู้ทำงานวิจัย ขอตรวจที่ 1 สัปดาห์ แทนที่จะตรวจ peak ของวัคซีนที่ 2-4 สัปดาห์ เพราะอาจารย์อยากดูว่า booster dose มันควรขึ้นเร็ว และที่ 1 สัปดาห์หลังฉีดก็ควรขึ้นแล้ว เพื่อจะได้ป้องกันได้ไว … หลังจากนี้ ข้าพเจ้าจะต้องเจาะเลือดเก็บข้อมูลอีกที่ 1 เดือนหลังฉีดวัคซีน
2.ผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มสาม AstraZeneca ไปก็มีการเก็บข้อมูลก่อนหน้านี้ พบว่าภูมิคุ้มกัน ขึ้นดีเกิน 90% เหมือนกัน
3.หลังจากนี้ คงเห็นบุคลากรทางการแพทย์ป่วยน้อยลง จะได้มีกำลังใจในการทำงานต่อไป
4.อยากให้วัคซีนกระจายถึงทุกคนอย่างรวดเร็ว … แม้ในคนที่ฉีด 2 เข็มด้วย Sinovac ครบไปแล้วก่อนหน้านี้ จากข้อมูลที่มีก็พบว่า เมื่อระยะเวลาผ่านไป ภูมิคุ้มกันลดลงทุกคน … ณ จุดนี้ ถ้าวัคซีนมีพอ อยากให้ได้รับ booster กันทุกคน…
5.สำคัญที่สุด ไม่ได้จะดราม่าอวดอะไรใคร แค่อยากให้บุคลากรที่ได้ฉีดวัคซีนไป สบายใจได้ว่า หลังจากฉีดกระตุ้นไปแล้วภูมิคุ้มกันขึ้นดีจนน่าจะมีกำลังใจทำงาน เพราะก่อนหน้านี้เหมือนเกมส์ survival ที่เห็นเจ้าหน้าที่ทยอยป่วยกันจนแทบไม่เหลือคนทำงาน
#เรารอด #เธอรอด #ทุกคนจึงรอด… No one is safe, until everyone is …ปล.1 ภาพความ #ฮึกเหิม ของข้าพเจ้าตอนรับคนไข้เด็กคลอดจากแม่โควิดเมื่อวันที่ทราบผลภูมิคุ้มกัน ปล.2 งดดราม่านะคะ ช่วงนี้แพทย์เหนื่อยมาก ดราม่าเพียงพอแล้ว 😊😊
ขอบคุณข้อมูล : หมอแซนดี้มีเรื่องเ_า