ชีวิต อ้อย จิระวดี หลังเป็นม่ายในวัย 64 ปี

บันเทิง

ต้องบอกเลยว่าเป็นนักแสดงที่มากความสามารถอีกหนึ่งคน สำหรับ อ้อย จิระวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา โดยเจ้าตัวอยู่ในวงการบันเทิงมานานกว่า 40 ปี ทำให้มีผลงานให้แฟนๆ ได้ติดตามเป็นจำนวนมาก มีผลงานเด่น เช่น อีสา, บัวแล้งน้ำ,หนุ่มทิพย์ ผลงานหนังไทยและภาพยนตร์ไทย เพียงคำเดียว เป็นต้น

และก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้เปิดใจในรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่อง One31 ที่มี ท็อป ดารณีนุช และ ชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกร ถึงอดีตเส้นทางความรักที่เจ้าตัวเผยว่าเป็นทอมตั้งแต่เด็กแต่ที่ตัดสินใจแต่งงานเพราะอยากมีลูกมาก ทั้งๆ ที่ยังชอบผู้หญิงอยู่

จุดไหนที่ทำให้เป็นพี่อ้อยแบบทุกวันนี้ ?

อ้อย : “ละครเรื่องความรัก เรื่องขังแปด ถ้าเป็นภาพยนตร์ก็สุริโยทัย”

เล่นเป็นทอมช่วงหลังแล้ว ?

อ้อย : “ช่วงหลังๆ แล้ว ส่วนมากของท่านมุ้ยจะรับบทนักฆ่า บทแรงๆ”

พี่มีความห้าวในตัว ลุคนางเอกในสมัยที่พี่อ้อยเล่นเป็นยังไง ?

อ้อย : “สมัยที่พี่เป็นนางเอก พี่แต่งงานมีครอบครัว มีสามี เป็นกุลสตรีไทย เป็นผู้หญิงเลย ทาเล็บ พอพี่แต่งงานก็ต้องใช้ชีวิตแบบผู้หญิง”

แล้วในใจลึกๆ เราล่ะ ?

อ้อย : “บอกกันตรงๆ เลย พี่เป็นทอมตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยความที่พี่อยากมีครอบครัว อยากมีลูก สามีขอแต่งตอนวัยอลวน คนเข้ามาจีบเยอะ สามีมาขอก็แต่งเลย อายุ 20 ปี”

ตอนนั้นเข้ามาเป็นนางเอก เป็นนางเอกลุคห้าวๆ แต่รู้ตัวเองอยู่แล้วว่าเป็นทอม คนรอบข้างที่ร่วมงานกับเรารู้มั้ย ?

อ้อย : “รู้หมด สามีก็รู้”

แล้วพี่มีแฟนเป็นผู้หญิงก่อนมั้ย ?

อ้อย : “ก็มีค่ะ”

แล้วตอนที่เขาขอแต่งงานเป็นตอนที่เราพักว่างจากแฟนสาว ?

อ้อย : “ก็มีอยู่ค่ะ พี่ก็บอกแฟนผู้หญิงพี่ว่า พี่อยากมีครอบครัว อยากแต่งงาน เขาก็บอกโอเค เพราะช่วงชีวิตเรามันต้องมีช่วงที่แต่งงาน อยากใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ”

ทำไมจุดนั้นถึงคิดอยากมีลูก ?

อ้อย : “เพราะพี่เป็นคนรักเด็กมาก อยากมีลูกมาก สิ่งที่อยากมีมากที่สุดคือลูก ตอนนี้ที่อยากมีมากที่สุดคือหลาน”

ขอถามความรู้สึกหน่อย ถ้าคนเป็นทอมคบกับผู้หญิง ไปเลี้ยงลูกบุญธรรมเป็นลูกของเรา แต่พี่อ้อยคิดว่าอยากมีเป็นของตัวเองเลย ?

อ้อย : “อยากมีเป็นของตัวเองเลย ซึ่งเราก็ต้องรู้ว่าเราผ่านชีวิตมาอะไรที่เรามีความสุขที่สุด เพราะเราก็ไม่เคยมีสามี เราก็ลองมีสามี มีครอบครัวดูว่าโอเคมั้ย แต่ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วมันไม่ใช่ ก็ต้องขอไปเป็นตัวของตัวเองดู

พี่ชอบอะไรในตัวเขา เขาหล่อ ?

อ้อย : “เขาเป็นคนน่ารัก นิสัยดี”

เป็นคนในวงการมั้ย ?

อ้อย : “นอกวงการ”

ไปเจอกันได้ยังไง ?

อ้อย : “เพื่อนของเพื่อนแนะนำให้รู้จัก มีหลายคนนั่นแหละ แต่เขาขอแต่งก่อน คนไหนขอแต่งก่อนแต่งเลย กลัวไม่ได้แต่ง”

แฟนผู้หญิงมางานแต่งมั้ย ?

อ้อย : “มาค่ะ เขาแต่งตัวให้ด้วย”

แล้วสามีพี่เขารู้จักกับแฟนพี่มั้ย ?

อ้อย : “รู้จักค่ะ”

ความรู้สึกอึดอัดมั้ย กดดันมั้ย กับความรู้สึกที่จะเปลี่ยนคู่ชีวิตเป็นอีกหนึ่งเพศ ?

อ้อย : “พี่ก็ไม่อึดอัดนะ”

แสดงว่าต้องมีใจรักเขา ?

อ้อย : “ตอนแรกเอาตรงๆ ก็ชอบธรรมดา ไม่ถึงขั้นรักหรอก แต่อยากมีครอบครัว อยากมีลูกมาก เพราะว่าชีวิตพี่ที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กไม่เคยอยู่กับคุณพ่อ คุณแม่ พ่อแม่ทำพากย์หนัง ถ่ายละครตลอด พี่อยู่บ้านเสรีรัตน์ครอบครัวนี้เขาอบอุ่นมาก ทุกคนในครอบครัวไม่มีภรรยาน้อย รักเดียวใจเดียวแล้วเวลาอยู่ในครอบครัวมันมีความสุขมาก ซึ่งพี่เห็นภาพแบบนั้นแล้วอยากมีบ้าง”

เราอยากมีครอบครัวแต่เราไม่ได้รักเขาหมดใจ ไม่เหมือนคู่รักที่ความรักสุกงอมแล้วเข้าสู่ประตูวิวาห์ มันจะทำให้ความสัมพันธ์เรากับสามีพัฒนาไปในลักษณะไหน ?

อ้อย : “จริงๆ พอแต่งงานแล้ว พี่พลิกตัวเองเลยนะ จากห้าวๆ พี่เป็นผู้หญิงเลยเป็นกุลสตรีไทยดูแลอย่างดี แต่พี่เป็นคนไม่ดีพอเ ขาเลยมีผู้หญิงอื่น พอเขามีผู้หญิงอื่นพี่ก็เลยมีความรู้สึกว่าเลิกดีกว่ากลับมาเป็นตัวของตัวเอง”

ชีวิตก็ดำเนินมาตามที่พี่ตั้งใจไว้เลย ไม่ว่าจะแต่งงานแล้ว มีลูกแล้ว วันที่พี่ต้องเดินออกจาชีวิตคู่พี่อ้อยต้องนอนร้องไห้กับความผิดหวังของความอบอุ่นครอบครัว ?

อ้อย : “เอาจริงหรือเอาดราม่า ถ้าเอาจริงคือไม่รู้สึกอะไรเลย”

ไม่มีมุมเสียใจในความรักครั้งนี้เหรอ ?

อ้อย : “เฉยๆ”

ไม่สงสารลูกเหรอว่าลูกเราจะไม่มีครอบครัว ?

อ้อย : “พี่มีความรู้สึกว่าพี่เลี้ยงลูกได้ พี่จะสอนลูกพี่ว่าคนเราถ้าเรารักใครซักคน ถ้าเขามีความสุขยังไงเราต้องให้เขาตรงนั้น แล้วการที่อยู่ด้วยกันแล้วทะเลาะกันต่อหน้าลูก มันทำให้ครอบครัวไม่มีความสุข ถึงเลิกกันแต่เราก็เป็นเพื่อนกัน ไปมาหาสู่กัน”

ตอนแรกๆ ที่ตัดสินใจแยกทางกัน หย่าร้างกัน ช่วงแรกมีการง้อขอคืนดีกันบ้างมั้ย ?

อ้อย : “พี่ขอหย่าเขา เขาไม่หย่า ก็ต้องให้คุณแม่ไป พอเจอแม่ปั๊ป เขาก็ครับ ยอมหย่า”