เเพทย์ชนบท 6 ทีม เดินทางเข้าช่วย กรุงเทพฯ

ข่าว

ในสถานการณ์โควิด-19 ทำให้บุคลากรทางการเเพทย์ต้องทำงานกันอย่างหนัก จนทำให้โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานครมีไม่เพียงพอรับมือกับผู้ป่วย ล่าสุด นายเเพทย์ สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กพร้อมกับภาพทีมเเพทย์ ที่กำลังมุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานครเพื่อช่วยเเพทย์ในโรงพยาบาลอีกเเรง พร้อมเผยว่า “เดินหน้าเข้าทำไมแพทย์ชนบทต้องบุกกรุง

สถานการณ์โควิดนั้นหนักหนามากทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ทีมแพทย์ชนบทชุดแรก 6 ทีมจาก นครศรีธรรมราชที่นำโดย รพ.สิชล จากขอนแก่น จาก รพ.จะนะ รพ.สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ณ อำเภอนาทวี รพ.ด่านมะขามเตี้ย และ รพ.บ่อเกลือ รวมทั้งคุณหมอจาก รพ.ตากใบที่บินเดี่ยวขึ้นมาร่วมด้วยช่วยกันเป็นกลุ่มแรกที่อาสาหลังจากขอแรงกันจริงจังในวันจันทร์

และให้ออกเดินทางวันอังคาร เพื่อลงมือปฏิบัติการในวันพุธ-พฤหัส-ศุกร์ นี้แล้วกลับที่ตั้งในวันเสาร์ ไปปราบโควิดในอำเภอตนเองต่อไปเราแพทย์ชนบทรู้ว่าการระบาดในต่างจังหวัดก็หนักไม่น้อยแต่ในกรุงเทพนั้นหนักมากๆ ผู้คนแทบจะไม่เข้าถึงการตรวจโควิด

ยกตัวอย่างเช่น มีคนป่วยเป็นโควิดในครอบครัว หากเป็นต่างจังหวัด เราก็จะตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงมาตรวจ เพื่อหาคนมีเชื้อ ใครมีเชื้อก็จัดที่ให้นอนให้กักจะได้ลดการแพร่เชื้อ แต่ที่ กทม.นั้น ระบบการคัดกรองตรวจกลุ่มเสี่ยงสูงนั้นทำไม่ไหว

หรือในหลายพื้นที่ไม่มีคนทำ ไม่รู้ว่าใครจะทำ ผลก็คือ ผู้ที่มีเชื้อโควิดต่างก็ไม่รู้ว่าตนมีเชื้อหรือไม่ แม้เขาจะลดการเดินทางแล้วแต่ก็ยังมีโอกาสแพร่ระบาดให้กับคนในครอบครัว ในชุมชน หลายๆคนในแพทย์ชนบทที่ยังพอมีแรงเหลือ มีหัวใจนักสู้

มีพลังแห่งวิชาชีพที่อยู่นิ่งเฉยไม่ได้ จึงรวมพลังบุกกรุง แม้จะฉุกละหุก และมาเพียง 6 ทีมแรก แต่ก็เป็นการเริ่มต้นการก้าวออกจากชนบทก้าวออกจากโลกโซเชียลมาสู่ปฏิบัติการจริงที่สำคัญยิ่งประกอบกับเมื่อรัฐบาลไฟเขียวให้ใช้ rapid test ในการตรวจหาเชื้อโควิดได้

(ซึ่งควรจะอนุมัติไฟเขียวนานแล้ว) จึงเป็นโอกาสที่ดี ที่ตรวจปุ๊ปทราบผลเบื้องต้นปั๊ปทำให้การควบคุมโรคทำได้ง่ายขึ้นมาก การบุกกรุงมาตรวจสวอปจึงมีความหมายในทันทีการบุกกรุงนั้นความสำคัญอยู่ที่การเตรียมการ การบุกกรุงครั้งนี้

ทาง สปสช.เป๋นองค์กรหลักที่รับเป็นเจ้าภาพในการดูแลที่อยู่ที่กินทั่วไปให้กับทีมที่มารวมทั้งประสานกับทีมโควิดชุมชนในการเตรียมชุมชนเมื่อเรามาที่กรุงเทพ ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรา ขับรถยังไม่ถูก ดังนั้นจึงต้องมีทีมโควิดชุมชนที่ทำงานกับชุมชนแออัด กับชุมชนกลุ่มยากจนในกรุงเทพ ช่วยประสานการนัดหมาย เตรียมสถานที่

รวมทั้งเข้าพื้นที่เพื่อร่วมทำงานเช่น การลงทะเบียน การจัดคิว การแจ้งผล การตามผู้ป่วยและญาติมาตรวจเพิ่มกรณีที่ผลบวกเป็นต้น มิเช่นนั้น การเข้าชุมชนดุ่ยๆนั้นเป็นไปไม่ได้เลย จะโกลาหลอย่างที่สุดแท้จริงการบุกกรุงครั้งนี้

มีนัยยะเชิงสัญญะที่แพทย์ชนบทอยากสื่อสารกับสังคมไทยว่า วิกฤตครั้งนี้หนักหน่วงและรุนแรง ทุกคนต้องช่วยกัน แพทย์ชนบทช่วยได้มุมที่เราช่วยได้ บริษัทห้างร้านก็ช่วยได้ในมุมของเอกชน โรงพยาบาลเอกชนก็ช่วยได้อีกมายมายหลายเรื่อง

ทุกองค์กรทุกคนต่างใช้ความรู้ความสามารถและทักษะของตนเองมากู้ภัยโควิดในครั้งนี้ได้ ไม่ต้องช่วยแต่บริจาคของให้โรงพยาบาลก็ได้ คนที่ต้องการความช่วยเหลือมากกว่าคือชุมชน คือคนเล็กคนน้อยที่กำลังจะอดมื้อกินมื้อ

คือคนลำบากที่ตกงาน คือผู้ประกอบการที่ล้มทั้งยืน คือคนติดเชื้อโควิดที่ป่วยไม่มีใครเหลียวแลต้องตายเดียวดายอยู่ที่บ้าน และอีกหลายๆวิกฤตที่ยังเหลื่อมล้ำและสิ้นหวังการบุกกรุงในครั้งนี้ แม้เราจะช่วยคนกรุงได้เพียงเล็กน้อย

แต่ก็หวังว่า นี่คือคำร้องขอของแพทย์ชนบทต่อทุกองค์กร ให้ลงมือปฏิบัติการในโลกแห่งความเป็นจริงร่วมกัน เพื่อก้าวผ่านโควิดไปด้วยกัน และสร้างสังคมใหม่ที่เหลื่อมล้ำน้อยลงในอนาคต นี่คือเหตุผลที่เรา “แพทย์ชนบทบุกกรุง”

ขอบคุณข้อมูล:นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ